เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพาครอบครัวไปไหว้พระที่ วัดแม่นางปลื้ม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้พาครอบครัวไปไหว้พระที่ วัดแม่นางปลื้ม พระนครศรีอยุธยา
ซุ้มประตูเข้า วัดแม่นางปลื้ม

จึงขอเล่าประวัติย่อ ๆ ให้เพื่อน ๆ ฟังกันสักนิด ครั้งหนึ่งองค์พระนเรศได้ปลอมตัวออกไปดูสารทุกข์สุขดิบประชาชนขอท่าน และเพื่อไม่ให้ดูมีเอิกเกริกท่านจึงได้แอบออกไปคนเดียวโดยที่ไม่มีทหารติดตาม ระหว่างที่กำลังพายเรือกลับเข้าวังก็ได้เกิดฝนตกหนักทำให้เปียกปอนไปทั้งตัว บังเอิญว่าแถวนั้นมีบ้านของชาวปลูกริมน้ำพอดีจึงได้แวะเข้าไปขอหลบฝน

 

เมื่อเข้ามาในบ้านองค์พระนเรศก็ได้พบกับคุณป้าเจ้าของบ้านชื่อนางปลื้ม ซึ่งนางปลื้มเองอาศัยอยู่บ้านหลังนี้แต่เพียงผู้เดียว ด้วยเพราะโดนฝนไปทั้งตัวพระนเรศจึงได้ขอน้ำจัณฑ์มาดื่มแก้หนาว ทางฝ่ายนางปลื้มก็มีน้ำใจไม่ขัดข้อง แต่มีข้อแม้ว่าขออย่าได้เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครต่อใครฟังเพราะเดี๋ยวพระเจ้าเหนือหัวจะลงโทษเพราะในคืนวันนั้นเป็นวันพระพอดี และยังขอให้องค์พระนเรศช่วยลดเสียงในยามที่เจรจากันลงบ้าง เพื่อที่จะไม่ให้ดังไปรบกวนเวลาหลับนอนของชาวบ้านคนอื่นที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น พระองค์พระนเรศรับปากและดื่มน้ำจัณฑ์ไปเรื่อย ๆ เพื่อรอให้ฝนหยุดตก ทว่าฝนก็คงตกต่อไปเรื่อย ๆ ท่านจึงได้ขออาศัยชาคาบ้านแม่นางปลื้มเพื่อพักผ่อนหลับนอนจนเช้าจึงสามารถพายเรือต่อไปได้

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้พาครอบครัวไปไหว้พระที่ วัดแม่นางปลื้ม พระนครศรีอยุธยา
พระประธาน หลวงพ่อขาว วัดแม่นางปลื้ม

เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจที่มีต่อกัน ภายหลังจากวันนั้นองค์พระนเรศก็ส่งคนมารับป้าปลื้มไปอยู่ในวังด้วย โดยท่านได้เลี้ยงดูเป็นอย่างดีจนกระทั่งป้าปลื้มเสียชีวิตก็ได้สร้างวัดนี้ให้ และได้ตั้งชื่อวัดนี้ว่า วัดแม่นางปลื้ม

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้พาครอบครัวไปไหว้พระที่ วัดแม่นางปลื้ม พระนครศรีอยุธยา

ด้านนอกของตัวโบสถ์จากเดินรอบ ๆ ได้สังเกตเห็นตัวโบสถ์และเจดีย์ที่มีอายุราวสามร้อยกว่าปี พบว่าตัวโบสถ์แม้จะเก่าไปตามกาล ผนังอาจะมีการกระเทาะขอปูนที่ฉาบจนเห็นอิฐมอญด้านใน แต่ช่างรับหน้าที่มาบรูณะก็พยายามรักษาความเก่าไว้ โดยการไม่ฉาบปูนกลบไปทั้งหมด และพยายามยังคงไว้ซึ่งช่องรอยแตกของตัวอาคาร เพื่อที่จะได้เห็นอิฐมอญที่อยู่ด้านใน ซึ่งก็ดูคลาสิคดี

Comments

comments

Comments are closed.