เดินเล่นในสวนอุทยานฯร.2 กันได้สักพักใหญ่ พวกเราก็ตรงสู่ที่พักโฮมสเตย์ที่พักที่น้องโลมาได้โทรมาจองไว้ก่อนหน้านี้ และเหมือนจุดไต้ตำตอครับ เจ้าของบ้านโฮมสเตย์เป็นคุณอาแท้ๆของน้าโต๊ดเพื่อนในกลุ่มพวกเรา จึงได้เพิ่มบรรยากาศของความอบอุ่นเป็นกันเองมากขึ้นไปอีกครับ

เมื่อวางสัมภาระสิ่งของทุกอย่างในห้องเสร็จก็ตรงสู่ตลาดอัมพวาโดยทันที พวกเราเดินเลาะริมคลองไปเรื่อยๆ กินลมกินบรรยากาศ และถ่ายรูป พบเห็นวิถีชีวิตเดิมๆของชาวบ้านที่นี่ มันเป็นภาพที่น่าดูชมจริงๆครับ เหมือนย้อนยุคเข้าไปสมัยสมบัติ เมทะนีย์ยังหนุ่มแน่น

IMG_4807

ช่วงต้นๆของเส้นทางก่อนถึงตัวตลาดดูเงียบสงบดีครับ กระทั่งมีเรือหางยาวเสียงดังวิ่งผ่าน ความรู้สึกแปลกๆก็เกิดขึ้น ผมก็คิดในใจว่า มาแล้วความศิวิไลและความวุ่นวายคืบครานเข้ามาแล้ว สงสัยว่าเสียงดังอย่างนี้คนแถวนี้เค้าไม่รำคาญบ้างหรือ เสียงดังๆแบบนี้ในยามดึกดื่นใครหนอจะไปนอนหลับหว่า ก็เอาเถอะนะคิดว่ามันคงไมได้เพิ่งมาดังกันวันนี้หรอก คนที่นี่คงปรับตัวกันได้แล้วล่ะภ พอมองย้อนกลับไปบนเส้นทางที่เราเดินมา โฮมสเตย์ที่ผมพักอยู่ตรงข้ามวัดที่เห็นอยู่ไกลๆโน่นครับ

IMG_4819

Continue reading

เหมือนเดิมครับ เหมือนทริปที่ผ่านๆมาที่เราต้องรีบจัด ใช้เวลานัดหมายตกลงกันภายในหนึ่งสัปดาห์ว่าเราจะไปเที่ยว ไม่เพียงแค่ความกระชั้นชิดแต่ยังมีข้อบังคับในเรื่องของเวลามาเป็นตัวแปรอีกด้วย ผม บิ่น ปุกปุย โลมา ไมค์ และไก่ สมาชิกชิกเดิมๆจากทริปเขาใหญ่ที่เคยเล่าให้ฟังในบล็อกเรื่อง รอยยิ้มและลิ่มเลือด Tropical rain forest เขาใหญ่ ก็ได้มากันพร้อมหน้าพร้อมตากันเลยทีเดียว

นัดกัน 7 โมง ก็ได้ออกแปดโมงครี่ง ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ไม่ใครสุดวิสัยก็ใครสักคนในกลุ่มลืมตื่นนะแหละครับพี่น้อง 555

พวกเรานั่งรถส่วนตัวออกจากกรุงเทพฯมุ่งหน้าไปทางถนนพระราม 5 สู่ อำเภอ อัมพวา จุดหมายปลายทาง

IMG_4605

ใช้เวลาไม่ถึงชัวโมงดี พวกเราก็มาถึงอัมพวาครับ ก่อนเที่ยวก็ต้องไปซัดก๋วยเตี๋ยวบะหมี่รสเด็ดร้านก๋องเมงจั้นกันก่อนคนละ 2 ชาม อร่อยมากครับ และสถานที่เที่ยวแรกที่พวกเราก็คือตลาดร่มหุบ ไม่ได้มาซื้อของในตลาดหรอกครับ พวกเรามารอถ่ายรูปรถไฟ

Continue reading

บรรยากาศยามเช้าของ กรุงเทพเมื่อ 05.00 น. มีคนหลายคนที่กำลังเริ่มต้นที่จะเข้านอนเพราะกลับมาจากการท่องราตรีหรือกลับจากการทำงานกะดึก และก็มีอีกหลายคนที่กำลังออกเดินทางไปที่ทำงานหรือสถานที่ต่างๆ หนึ่งในนั้นก็คือ กระผม นายนกขมิ้นน้อยธรรมดา กำลังจะได้กลับไปเยือนสถานที่เก่าเวลาใหม่ นั่นก็คือ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” ซึ่งก่อนที่จะไปถึงเขาใหญ่นั้นเราได้นัดรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เพื่อไปพบเพื่อนร่วมเดินทางที่แตกต่างทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และเพศ ร่วม 60 ชีวิต ซึ่งความแตกต่างทั้งหลายที่กล่าวมาไม่ได้เป็นปัญหาต่อผมเลยในการที่จะกลับเข้าไปสู่ห้องเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่แห่งนี้ หลังจากคณะของพวกเราได้มารวมตัวกันพร้อมแล้ว คณะของเราก็เดินทางโดยใช้เส้นทางสายกรุงเทพ-นครนายก-ปราจีนบุรี ซึ่งก่อนที่เราจะเข้าไปเรียนรู้ประสบการณ์ธรรมชาติเราก็ต้องมาชำระค่าเทอมก่อนครับ นั่นไงครับด่านเก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ด่านเนินหอม

01

เมื่อชำระค่าธรรมเนียม หรือ ค่าลงทะเบียนวิชา “ธรรมชาติและประสบการณ์ศึกษา” แล้ว คณะของเราก็เริ่มเดินทางกันต่อครับ รถของเราก็ค่อยๆ วิ่งลัดเลาะตามทางลาดยาง ซึ่งสองข้างทางก็เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด และสายฝนที่โปรยปรายลงมาตลอดทาง

Continue reading

ผมเคยเดินทางไปบึงบอระเพ็ดมาแล้วหลายครั้ง ในแต่ละครั้งพบได้ประสบการณ์ใหม่ๆ หรือได้พบกับภาพแห่งความทรงจำดีๆ ตลอด รอบนี้ก็เหมือนกัน ผมได้มาพร้อมกับคณะอาจารย์และนักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ซึ่งเป็นสถานศึกษาเก่าของผม โดยคณะอาจารย์พานักศึกษาออกมาศึกษาภาคสนามเรียนรู้จากของจริง หลังจากที่เราทานอาหารเที่ยงเสร็จพวกเราก็ลงเรือครับ รอบนี้เป็นเรือขนาดใหญ่มีหลังคา เหมาะสำหรับการเก็บตัวอย่าง “สาหร่าย” ในน้ำ ณ บึงบอระเพ็ดครั้งนี้จริงๆ

IMG_8213

Continue reading

สำหรับผม วันนี้วันสุดท้ายของทริปนี้ แน่นอนว่าต้องท่องเที่ยวให้คุ้มซะหน่อย

พี่ตุ้มบอกว่าไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ มีศูนย์วิจัยและเพาะพันธุ์พืช ถ้าพวกเราสนใจพี่เค้าก็จะพาไปดูครับภ จริงๆแล้วศูนย์แห่งนี้มีชื่อเรียกนะครับ แต่ผมจำไม่ได้ ต้องขออภัยด้วยครับ

คนที่ไปด้วย หลายคนมานั่งตรงกระบะกัน ทั้งที่เบาะหลังคนขับก็มีที่นั่งเหลือ ผมก็เป็นคนหนึ่งล่ะที่ชอบนั่งกระบะหลัง เพราะรู้สึกชิวๆกินลม กินบรรยากาศ มันดีจริงๆครับภ อ่อ ผู้ชายที่เห็นด้านล่างคือพี่ตุ้มเม้งครับ พี่ใหญ่ของผมเอง

25102006(029)

Continue reading

เมื่อกลับจากตามช้างป่า พี่ตุ้มก็ชวนพวกเราไปเดินในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติหลังที่ทำการฯต่อทันที พี่ตุ้มบอกว่าแม้เส้นทางเดินนี้จะมีระยะทางค่อนข้างสั้น แต่ก็เต็มไปด้วยจุดศึกษาธรรมชาติมากมาย เหมาะที่จะพานักเรียนมาเดินศึกษาครับ

ระหว่างเดินพวกเราก็ไปเจอไข่ 2 ฟองที่ข้างทาง ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นไข่อะไร บ้างก็ว่าไข่เต่า บ้างก็ว่าไข่ตัวเหี้ย ที่สุดก็ปล่อยให้มันอยู่ที่เดิม หวังว่าคงไม่มีสัตว์ตัวอื่นมาคว้าไปกินซะก่อน

25102006(011)

Continue reading

เมื่อวานหลังกลับมาจากตลาดเย็นในตำบล พวกเราก็ยังคงกินข้าวเย็นต่อ(แล้วอย่างนี้จะไม่ได้อ้วนไหวเร้อ) ในวงข้าวต่างคนก็ต่างพูดคุยกันถึงเรื่องการเดินป่าที่ตอนกลางวัน อ่อ ลืมบอกไปครับว่าเจ้าบอยกับลูกศิษย์ได้เดินทางกลับกรุงเทพฯแล้ว หลังกลับจากเดินป่าเพราะต้องรีบกลับไปสอนในวันจันทร์ครับ

ผม นายปุกปุย พี่ตุ้ม นายปุ้ม นายเต่า นั่งคุยกันจนถึง 4 ทุ่มกว่าๆ ก็เข้านอนเอาแรงกัน พรุ่งนี้ตั้งใจว่าจะไปวัดดวงนั่งดูช้างป่ากันอีกรอบ เผื่อจะเจอ

ZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZzz

ตอนเช้าหลังรับประทานอาหาร มีเรื่องให้ต้องตื่นเต้นอีกแล้วครับท่าน อาจารย์ชลธรเดินมาบอกพวกเราว่าให้ช่วยกันไปตามหาช้างป่าหน่อย ฟังไม่ผิดครับ ตามหาช้างป่า อาจารย์บอกว่าได้รับแจ้งจากส่วนกลางมาว่าอาจมีช้างป่วยและอาจจะล้มไปแล้วก็เป็นได้ พวกเราก็เลยนั่งรถกระบะของอุทยานฯบึ่งเข้าไปที่จุดที่คาดว่าจะเป็นที่เกิดเหตุบริเวณไรสัปรดของชาวบ้าน ซึ่งอยู่ไกลจากตัวอุทยานฯหลายกิโล

25102006(002)

Continue reading

หลังจากพักผ่อนกันสาแก่ใจ พวกเราก็ออกเดินทางกลับสู่ที่ทำการอุทยานฯ ลุงใจถามพวกเราว่าอยากกลับทางเดิมที่มาหรือว่าอยากจะกลับทางใหม่ พวกเราก็ใจตรงกันครับว่าน่าจะไปทางใหม่ เพราะมาทั้งทีก็น่าจะได้เห็นอะไรใหม่ๆหลายๆอย่าง จริงไหมครับ

ทว่าทางใหม่ที่ลุงใจแกบอกคือการเดินลุยน้ำครับ

แกบอกว่าการเดินกลับตามทางธารน้ำจะใกล้กว่าทางเดิมที่เราเข้ามาอยู่ประมาณเกือบครึ่งแต่อาจจะเดินลำบากหน่อย ระหว่างทางแกบอกว่าเราน่าจะเก็บผักไปกินด้วย ซึ่งผักที่ลุงใจแนะนำให้เก็บไปกินก็คือ ผักกูด นั่งเองครับ

ตั้งแต่ผมหัดเดินป่าผมก็รู้จักผักกูดแล้ว ผักกูดเป็นพีชตระกูลเฟิร์นเอาไปทำอาหารได้หลายอย่างทั้งผัดทั้งแกง อันนี้ผมขอแนะนำเลยครับ

แป๊บเดียวพวกเราก็ได้มาคนละกำใหญ่ๆ มื้อเย็นคงอิ่มแปร้กันเป็นแถวๆ 🙂

24102006(108)

Continue reading

ระหว่างทางเดินป่่า ลุงใจชี้ให้เราดูรอยตีนของสัตว์กินเนื้อชนิดหนึ่ง รอยตีนใหญ่กว่าแมวแต่ไม่ใหญ่มาก พิจารณาอยู่นานก็คาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นรอย เสือปลา พอเดินไปอีกหน่อยก็เจอมูลของมัน ทีนี้ก็ฟันธงได้เลยว่าเสือปลาแน่ๆ เสือปลา เป็นสัตว์ตระกูลแมวป่่า ขนาดตัวใหญ่กว่าแมวแต่ไม่ใหญ่เท่าเสือ สถานะตอนนี้ใกล้สูญพันธุ์ครับ พวกมันคงหากินใกล้แหล่งน้ำแถบๆนี้ ปกติเรามักจะไม่ค่อยได้เจอตัวมันง่ายๆครับ

24102006(083)

Continue reading

เมื่อEntryที่แล้ว หลังจากที่พวกเรานั่งรอช้างป่่าอยู่นานกว่า 3- 4 ชั่วโมง รอจนเย็นอีกเช่นเคย ก็ไม่พบว่ามีสิ่งใดปรากฏให้เห็นนอกเสียจากนกกระยางสองสามตัวที่บินอยู่ไปมา ที่สุดก็ต้องออกจากที่แอ่งน้ำกลับไปตั้งหลักที่อุทยานฯอีกครั้งครับ ตอนเย็นของวันนั้นพวกเราก็ปรึกษากันว่าพรุ่งนี้จะออกเดินป่่ากัน และทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนครับ

zzzzzzzzzzzzzzzzzz

รุ่งเช้าวันต่อมา หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จ ทุกคนพร้อมแล้วสำหรับเส้นทางเดินป่่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ขึ้นชื่อรือชาเรื่องเส้นทางเดินป่่าที่สมบรูณ์สุดๆและยังสดเอามากๆ นักเดินป่่าจากทั่วทุกสารทิศมุ่งหน้ามาที่นี่เพียงเพราะต้องการเดินป่่าครับ

เส้นทางการเดินป่่าของพวกเรา เป็นเส้นทางเดินระยะที่ไม่ไกลมาก เนื่องจากมีเวลาน้อยภ จึงไม่ได้เดินเส้นทางแบบเต็มๆ(ปกติจะต้องใช้เวลาทั้งวัน) และแม้เส้นทางจะไม่ไกลมากแต่เราก็จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญเส้นทางออกนำไปครับ ทางอุทยานฯไม่อนุญาตให้ไปกันเองเพราะเกรงว่าจะหลงป่่า ทางเจ้าหน้าที่ยังแซวด้วยนะครับเผลอๆ หลงไปพม่าล่ะก็ยุ่งเลย ฮา

Continue reading