เก้านาฬิกา จันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2551

คำปฏิญาณตน

นั่นเป็นคำปฏิญาณที่ชาวคณะธรรมยาตราทุกคนจะกล่าวพร้อมกันทุกครั้งก่อนออกเดินทาง ในวันที่3ของการเดินธรรมยาตรา ลุ่มน้ำลำปะทาวพวกเราต้องเดินผ่านชุมชนขนาดใหญ่(เข้าใจว่าเป็นตำบลเพราะมีบ้านอยู่หนาแน่นพอสมควรครับ) วันนี้ที่ชุมชนแห่งนี้มีการแข่งขันกีฬา ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงไปมะรุมมะตุ้มกันอยู่ที่สนามกีฬาโรงเรียนครับ และโรงเรียนดังกล่าวก็เป็นเส้นทางผ่านของคณะธรรมยาตราพอดีภ ในระหว่างที่คณะธรรมยาตราเดินผ่านทีมงานที่ประชาสัมพันธ์โครงการธรรมยาตราก็จะประกาศผ่านลำโพงให้ชาวบ้านทราบครับว่าเราคือใครมาทำอะไร ทุกคนดูไม่ค่อยใส่ใจเท่าที่ควรเพราะใจจดใจจ่ออยู่กับการแข่งขั้นเสียมากกว่า

Continue reading

ตีสี่ จันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2551

เมื่อคืนผมนอนหลับได้ด้วยดี ก็ห่างหายจากการนอนถุงนอนที่ไม่มีอะไรรองหลังมานานพอสมควรภ หลังของผมเมื่อต้องกดทับกับพื้นกระดานแข็งๆของศาลาวัดเป็นเวลานานๆก็ทำเอาปวดเมื่อยไปได้เหมือนกันครับ แต่คงเพราะอาการอ่อนเพลียจากการเดินทางไกล การนอนหลับเมื่อคืนที่ผ่านมาจึงไม่มีปัญหาอะไรมาก โดยปกติการนอนอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากที่เราไม่คุ้นเคยอาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้บางคนนอนไม่หลับ แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคของผมครับภ อุปสรรคของผมคือเสียงกรนของ พี่ตุ้มเม้ง พี่ตู้ และเพื่อนปุกปุ้ย (หรือผมด้วยหว่า) เรียกได้ว่าถ้าใครมานอนใกล้ๆพี่ๆพวกนี้ก็คงต้องทำใจครับ เพราะท่านเปล่งเสียงรถไฟ เรือกลไฟ และเครื่องบินโบอิ้งส่งเสียงคำรามแข่งกันทั้งคืน โชคดีผมรู้ทันจึงชิงหลับไปก่อน ส่วนเพื่อนๆธรรมยาตราท่านอื่นที่ไม่เคยเจอสถานะการณ์อย่างนี้มาก่อน กระผมคงต้องกราบขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วยนะขอรับภ เหอๆ

เช้ามืดวันนี้พี่ตุ้มตื่นขึ้นมาคนแรก และผมก็เป็นคนที่สอง เพื่อนๆในคณะธรรมยาตราก็เริ่มทยอยตื่นกันบ้างแล้วครับ หลายคนเริ่มทำกิจธุระส่วนตัวกัน แต่เนื่องจากวัดหัวฝาย(จำชื่อวัดได้ล๊ะ)แห่งนี้มีห้องน้ำอยู่เพียง 2 ห้อง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีคนมายืนรอใช้บริการ ผมจึงต้องถอยห่างไว้รอไปใช้บริการตอนที่คณะธรรมยาตราเค้าทำวัดเช้ากันท่าจะดีกว่าครับ

Continue reading

12.30 น. อาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน 2551

สารภาพอีกครั้งครับว่าผมไม่ได้เตรียมการมาก่อนว่าจะต้องเก็บข้อมูลและรายละเอียดการเดินธรรมยาตราในครั้งนี้ ดังนั้นข้อมูลหลายอย่างในบทความของบล็อคแห่งนี้จึงอาจจะไม่ตรงเป๊ะเสียทีเดียวโดยเฉพาะ ชื่อสถานที่ ชื่อสิ่งของ หรือชื่อคน และชื่อวัดที่พวกเราได้พักในค่ำคืนนี้ก็เช่นเดียวกันครับ จึงต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ครับผม

ศิลปินรุ่นครูกำลังโชว์การแสดงในแบบดั้งเดิมของท้องถิ่น

 

 

 

Continue reading

09.00 น. วันอาทิตย์ ที่ 2 พฤศจิกายน 2551

ทุกคนพร้อมแล้วสำหรับการเดินธรรมยาตราในวันที่สอง พวกเราต้องเดินเท้าไปให้ถึงวัดของหมู่บ้านต่อไปให้ทันเพลครับ ก่อนที่จะออกเดินพระและทีมงานธรรมยาตราได้ออกมานำสวดให้ศิลให้พรแก่ผู้ร่วมการเดินธรรมยาตราตามปกติเหมือนเช่นทุกครั้ง และทันทีที่คณะเริ่มเดินพระท่านก็จะตีกลองให้จังหวะไปด้วยในตัว ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ร่วมเดินมีสมาธิและตั้งสติอยู่กับการเดินนั่นเองครับ

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
ก่อนออกเดินธรรมยาตรา จะมีคนนำสวดและอธิษฐานร่วมกัน

 

 

Continue reading

04.00 น. อาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน 2551

วันนี้เป็นวันที่สองของกิจกรรม เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิวัดป่าสุคะโต พวกเราตื่นพร้อมพระท่านตั้งแต่ตีสี่กว่า ๆ โดยปกติทุกวันพระสงฆ์กับนักปฏิบัติธรรมจะมาทำวัตรกันตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งศาลาที่พวกผมนอนกันอยู่ก็คือสถานที่ที่พวกเค้าจะมาทำวัตรกันครับ (ไม่ได้ว่าพระท่านมากวนเวลานอนพวกเรานะครับ อย่าเข้าใจผิด ฮ่ะๆ)

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
ประตูทางเข้าวัดป่าสุคะโตยามเช้า รูปอาจจะแย่หน่อย แต่จริงใจครับ ฮา ๆ

ลืมบอกไปว่าเมื่อคืนพวกเราไม่นอนค้างที่วัดอุทัยธรรมาราม แต่กลับมานอนที่วัดป่าสุคะโตอีกครั้งครับ เนื่องจากความไม่พร้อมหลาย ๆ ประการ อากาศทั้งตอนกลางคืนและตอนกลางวัน ของวัดป่าสุคะโตดีมากครับ ไม่รู้ผมคิดไปเองรึป่าวนะว่าอากาศดี ๆ สามารถช่วยรักษาโรคได้ เพราะก่อนที่จะมาปฏิบัติธรรมที่นี่ผมมีอาการป่วยเป็นไข้บวกกับต่อมทอมซิลอักเสบติดมาด้วย กังวลอยู่เหมือนกันว่าถ้าเกิดอาการกำเริบขึ้นมาระหว่างที่กำลังร่วมเดินธรรมยาตราละก็แย่เลย แต่พอมาอยู่ที่ต่างจังหวัดได้สองวันอาการป่วยดังกล่าวก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะครับ ประหลายดใจอยู่เหมือนกันครับ

 

Continue reading

10.30 น. เสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2551

ผมตื่นขึ้นมาก่อนเพลสามสิบนาที พี่ตู้กับน้องส้มมาปลุกเพื่อที่จะพาไปร่วมกิจกรรมกับคณะธรรมยาตราที่วัดแห่งหนึ่ง (นึกยังไงก็นึกไม่ออกครับว่าวัดชื่ออะไร ต้องอภัยครับ) วัดที่ว่านี้อยู่ในเส้นทางที่คณะธรรมยาตราต้องผ่าน ทีมผู้ประสานงานคณะฯได้ใช้เป็นสถานที่พักรับประทานอาหารก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังที่จุดหมายปลายทางของวันนี้ครับ

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
เดินทางไปวัดที่คณะธรรมยาตราหยุดพักทานอาหาร ผมกับปุกปุยนั่งกระบะส่วนพี่ตุ้มกับปุ้มนั่งอยู่ด้านหน้า

ผมกับปุกปุยนั่งท้ายรถกระบะเหมือนอย่างเคย และพอไปถึงที่วัดก็พบว่ามีผู้มาร่วมกิจกรรมมากมาย มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งยังมีชาวต่างชาติอีกด้วยครับ กระจายตัวหาที่นั่งกันทั้งด้านบนและด้านล่างของศาลาวัด ขณะกำลังมองหาเพื่อน ๆก็สังเกตุเห็นว่ามีกลุ่มคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่างที่ด้านล่างของศาลาวัด เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆก็ประหลาดใจครับ เพราะพวกเค้ากำลังซื้อขายเสื้อผ้ามือสองกันอย่างสนุกสนาน

Continue reading

20.00 น. ของ วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2551 วันออกเดินทาง

ย้อนกลับไป 5 วันก่อนการเดินทางไปร่วมกิจกรรม เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ เพื่อนผม นายปุกปุย หรือ นายนกขมิ้นน้อยธรรมดา ได้โทรมาชักชวนไปทำบุญ เดินธรรมยาตรา กับพระและญาติธรรมที่ จังหวัดชัยภูมิ ผมก็ตกปากรับคำไปโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแต่เพียงว่าอยากไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อน ๆ บ้าง เพราะไม่ได้ไปเที่ยวสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนที่เหนียวแน่นกลุ่มนี้นานแล้ว อันที่จริงก็ไม่ทราบด้วยซ้ำว่า เดินธรรมยาตรา ที่นายปุยเค้าพูดถึงนั้นคืออะไรและต้องทำอะไรบ้าง เดาเอาเองว่าน่าจะเหมือนกับเป็นการเดินธุดงค์ตามพระท่านไปเรื่อย ๆจนกว่าจะถึงจุดหมาย ซึ่งก็เดาถูกเพียงส่วนเดียวครับ เพราะความหมายลึกซึ้งของการเดิมธรรมยาตราที่ผมกำลังจะไปร่วมด้วยนี้มีความหมายที่สมบรูณ์ลึกซึ้งกว่าที่ผมเข้าใจอยู่มาก

โครงการ เดินธรรมยาตรา ลุ่มน้ำลำปะทาว นั้น หลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ เจ้าอาวาสท่านเดิมของ วัดป่าสุคะโต เป็นผู้ริเริ่มขึ้น และท่านยังเป็นประธานโครงการนี้มาจนถึงครั้งที่ 9 แล้วครับ โดย วัดป่าสุคะโต นั้นตั้งอยู่ที่ บ้านใหม่ไทยเจริญ ต.ท่ามะไฟหวาน อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ซึ่งก็คือเป้าหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้ที่ผมและเพื่อน ๆจะไปกันครับ

กำหนดการคร่าว ๆ การเดินธรรมยาตราฯ ครั้งที่ 9 นั้น ผู้เข้าร่วมจะต้องเดินเท้ากัน 10 วัน ซึ่งระยะทางในครั้งนี้ราว ๆ 83 กิโลเมตรครับ เดินกันตั้งแต่วันที่ 1- 9 พฤศจิกายน 2551 จุดประสงค์ของการเดินธรรมยาตราก็เพื่อการอนุรักษ์แหล่งน้ำและธรรมชาติในลุ่มน้ำลำปะทาว และเชื่อมการปฏิบัติธรรมผสมผสานเข้ากับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เปิดโอกาสให้ชุมชนสร้างสรรค์กิจกรรมดี ๆ ภายใต้แนวคิดสิ่งแวดล้อมดีได้ด้วยตัวเรา เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติในชุมชนลุ่มน้ำลำประทาว นำไปสู่แนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาที่ยั่งยืน โดยความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชนและประชนทั้งลุ่มน้ำ

Continue reading