สำหรับผม วันนี้วันสุดท้ายของทริปนี้ แน่นอนว่าต้องท่องเที่ยวให้คุ้มซะหน่อย

พี่ตุ้มบอกว่าไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ มีศูนย์วิจัยและเพาะพันธุ์พืช ถ้าพวกเราสนใจพี่เค้าก็จะพาไปดูครับภ จริงๆแล้วศูนย์แห่งนี้มีชื่อเรียกนะครับ แต่ผมจำไม่ได้ ต้องขออภัยด้วยครับ

คนที่ไปด้วย หลายคนมานั่งตรงกระบะกัน ทั้งที่เบาะหลังคนขับก็มีที่นั่งเหลือ ผมก็เป็นคนหนึ่งล่ะที่ชอบนั่งกระบะหลัง เพราะรู้สึกชิวๆกินลม กินบรรยากาศ มันดีจริงๆครับภ อ่อ ผู้ชายที่เห็นด้านล่างคือพี่ตุ้มเม้งครับ พี่ใหญ่ของผมเอง

25102006(029)

Continue reading

เมื่อกลับจากตามช้างป่า พี่ตุ้มก็ชวนพวกเราไปเดินในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติหลังที่ทำการฯต่อทันที พี่ตุ้มบอกว่าแม้เส้นทางเดินนี้จะมีระยะทางค่อนข้างสั้น แต่ก็เต็มไปด้วยจุดศึกษาธรรมชาติมากมาย เหมาะที่จะพานักเรียนมาเดินศึกษาครับ

ระหว่างเดินพวกเราก็ไปเจอไข่ 2 ฟองที่ข้างทาง ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นไข่อะไร บ้างก็ว่าไข่เต่า บ้างก็ว่าไข่ตัวเหี้ย ที่สุดก็ปล่อยให้มันอยู่ที่เดิม หวังว่าคงไม่มีสัตว์ตัวอื่นมาคว้าไปกินซะก่อน

25102006(011)

Continue reading

เมื่อวานหลังกลับมาจากตลาดเย็นในตำบล พวกเราก็ยังคงกินข้าวเย็นต่อ(แล้วอย่างนี้จะไม่ได้อ้วนไหวเร้อ) ในวงข้าวต่างคนก็ต่างพูดคุยกันถึงเรื่องการเดินป่าที่ตอนกลางวัน อ่อ ลืมบอกไปครับว่าเจ้าบอยกับลูกศิษย์ได้เดินทางกลับกรุงเทพฯแล้ว หลังกลับจากเดินป่าเพราะต้องรีบกลับไปสอนในวันจันทร์ครับ

ผม นายปุกปุย พี่ตุ้ม นายปุ้ม นายเต่า นั่งคุยกันจนถึง 4 ทุ่มกว่าๆ ก็เข้านอนเอาแรงกัน พรุ่งนี้ตั้งใจว่าจะไปวัดดวงนั่งดูช้างป่ากันอีกรอบ เผื่อจะเจอ

ZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZzz

ตอนเช้าหลังรับประทานอาหาร มีเรื่องให้ต้องตื่นเต้นอีกแล้วครับท่าน อาจารย์ชลธรเดินมาบอกพวกเราว่าให้ช่วยกันไปตามหาช้างป่าหน่อย ฟังไม่ผิดครับ ตามหาช้างป่า อาจารย์บอกว่าได้รับแจ้งจากส่วนกลางมาว่าอาจมีช้างป่วยและอาจจะล้มไปแล้วก็เป็นได้ พวกเราก็เลยนั่งรถกระบะของอุทยานฯบึ่งเข้าไปที่จุดที่คาดว่าจะเป็นที่เกิดเหตุบริเวณไรสัปรดของชาวบ้าน ซึ่งอยู่ไกลจากตัวอุทยานฯหลายกิโล

25102006(002)

Continue reading

หลังจากพักผ่อนกันสาแก่ใจ พวกเราก็ออกเดินทางกลับสู่ที่ทำการอุทยานฯ ลุงใจถามพวกเราว่าอยากกลับทางเดิมที่มาหรือว่าอยากจะกลับทางใหม่ พวกเราก็ใจตรงกันครับว่าน่าจะไปทางใหม่ เพราะมาทั้งทีก็น่าจะได้เห็นอะไรใหม่ๆหลายๆอย่าง จริงไหมครับ

ทว่าทางใหม่ที่ลุงใจแกบอกคือการเดินลุยน้ำครับ

แกบอกว่าการเดินกลับตามทางธารน้ำจะใกล้กว่าทางเดิมที่เราเข้ามาอยู่ประมาณเกือบครึ่งแต่อาจจะเดินลำบากหน่อย ระหว่างทางแกบอกว่าเราน่าจะเก็บผักไปกินด้วย ซึ่งผักที่ลุงใจแนะนำให้เก็บไปกินก็คือ ผักกูด นั่งเองครับ

ตั้งแต่ผมหัดเดินป่าผมก็รู้จักผักกูดแล้ว ผักกูดเป็นพีชตระกูลเฟิร์นเอาไปทำอาหารได้หลายอย่างทั้งผัดทั้งแกง อันนี้ผมขอแนะนำเลยครับ

แป๊บเดียวพวกเราก็ได้มาคนละกำใหญ่ๆ มื้อเย็นคงอิ่มแปร้กันเป็นแถวๆ 🙂

24102006(108)

Continue reading

ระหว่างทางเดินป่่า ลุงใจชี้ให้เราดูรอยตีนของสัตว์กินเนื้อชนิดหนึ่ง รอยตีนใหญ่กว่าแมวแต่ไม่ใหญ่มาก พิจารณาอยู่นานก็คาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นรอย เสือปลา พอเดินไปอีกหน่อยก็เจอมูลของมัน ทีนี้ก็ฟันธงได้เลยว่าเสือปลาแน่ๆ เสือปลา เป็นสัตว์ตระกูลแมวป่่า ขนาดตัวใหญ่กว่าแมวแต่ไม่ใหญ่เท่าเสือ สถานะตอนนี้ใกล้สูญพันธุ์ครับ พวกมันคงหากินใกล้แหล่งน้ำแถบๆนี้ ปกติเรามักจะไม่ค่อยได้เจอตัวมันง่ายๆครับ

24102006(083)

Continue reading

เมื่อEntryที่แล้ว หลังจากที่พวกเรานั่งรอช้างป่่าอยู่นานกว่า 3- 4 ชั่วโมง รอจนเย็นอีกเช่นเคย ก็ไม่พบว่ามีสิ่งใดปรากฏให้เห็นนอกเสียจากนกกระยางสองสามตัวที่บินอยู่ไปมา ที่สุดก็ต้องออกจากที่แอ่งน้ำกลับไปตั้งหลักที่อุทยานฯอีกครั้งครับ ตอนเย็นของวันนั้นพวกเราก็ปรึกษากันว่าพรุ่งนี้จะออกเดินป่่ากัน และทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนครับ

zzzzzzzzzzzzzzzzzz

รุ่งเช้าวันต่อมา หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จ ทุกคนพร้อมแล้วสำหรับเส้นทางเดินป่่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ขึ้นชื่อรือชาเรื่องเส้นทางเดินป่่าที่สมบรูณ์สุดๆและยังสดเอามากๆ นักเดินป่่าจากทั่วทุกสารทิศมุ่งหน้ามาที่นี่เพียงเพราะต้องการเดินป่่าครับ

เส้นทางการเดินป่่าของพวกเรา เป็นเส้นทางเดินระยะที่ไม่ไกลมาก เนื่องจากมีเวลาน้อยภ จึงไม่ได้เดินเส้นทางแบบเต็มๆ(ปกติจะต้องใช้เวลาทั้งวัน) และแม้เส้นทางจะไม่ไกลมากแต่เราก็จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญเส้นทางออกนำไปครับ ทางอุทยานฯไม่อนุญาตให้ไปกันเองเพราะเกรงว่าจะหลงป่่า ทางเจ้าหน้าที่ยังแซวด้วยนะครับเผลอๆ หลงไปพม่าล่ะก็ยุ่งเลย ฮา

Continue reading