บรรยากาศยามเช้าของ กรุงเทพเมื่อ 05.00 น. มีคนหลายคนที่กำลังเริ่มต้นที่จะเข้านอนเพราะกลับมาจากการท่องราตรีหรือกลับจากการทำงานกะดึก และก็มีอีกหลายคนที่กำลังออกเดินทางไปที่ทำงานหรือสถานที่ต่างๆ หนึ่งในนั้นก็คือ กระผม นายนกขมิ้นน้อยธรรมดา กำลังจะได้กลับไปเยือนสถานที่เก่าเวลาใหม่ นั่นก็คือ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” ซึ่งก่อนที่จะไปถึงเขาใหญ่นั้นเราได้นัดรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เพื่อไปพบเพื่อนร่วมเดินทางที่แตกต่างทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และเพศ ร่วม 60 ชีวิต ซึ่งความแตกต่างทั้งหลายที่กล่าวมาไม่ได้เป็นปัญหาต่อผมเลยในการที่จะกลับเข้าไปสู่ห้องเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่แห่งนี้ หลังจากคณะของพวกเราได้มารวมตัวกันพร้อมแล้ว คณะของเราก็เดินทางโดยใช้เส้นทางสายกรุงเทพ-นครนายก-ปราจีนบุรี ซึ่งก่อนที่เราจะเข้าไปเรียนรู้ประสบการณ์ธรรมชาติเราก็ต้องมาชำระค่าเทอมก่อนครับ นั่นไงครับด่านเก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ด่านเนินหอม

01

เมื่อชำระค่าธรรมเนียม หรือ ค่าลงทะเบียนวิชา “ธรรมชาติและประสบการณ์ศึกษา” แล้ว คณะของเราก็เริ่มเดินทางกันต่อครับ รถของเราก็ค่อยๆ วิ่งลัดเลาะตามทางลาดยาง ซึ่งสองข้างทางก็เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด และสายฝนที่โปรยปรายลงมาตลอดทาง

02

จุดแรกที่เราจะต้องเข้าไปคือ “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว” เพราะจะมีพี่ๆเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ มาให้รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ และการปฏิบัติตนอย่างไรที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ หลังจากทราบรายละเอียดต่างๆ แล้ว คณะของพวกเราก็เริ่มภารกิจแรก คือ “ปฏิบัติการหนังท้องตึง” โดยเมนูเที่ยงนี้คือ “ไก่กระเทียมกับข้าวเหนียว” เมื่อท้องอิ่มคณะของพวกเราก็พร้อมที่จะเข้าสู่ห้องเรียนธรรมชาติทันที โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าวันนี้คณะของพวกผมจะเข้าไปเรียนที่ห้อง “เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ กิโลเมตรที่ 33-หนองผักชี” ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของเส้นทางศึกษาธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก่อนที่จะเข้าสู่ห้องเรียนธรรมชาติ พวกเราจะต้องได้รับการบรรยายเพื่อเตรียมความพร้อมกันก่อน พร้อมทั้งกฎกติกามารยาท “เที่ยวอย่างไรที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ” ซึ่งทางเข้าอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน

03

นี้ไงครับทางเข้า จะมีหลักกิโลเมตร เป็นจุดสังเกต และมีป้ายบอกทางเข้า

04

และแล้วประตูห้องเรียนวิชา “ธรรมชาติและประสบการณ์ศึกษา” ก็ได้เริ่มขึ้นครับ จะสังเกตว่าพื้นที่จะเรียบและชื้นแฉะมากสาเหตุเพราะฝนตกตลอดเวลา แถมมีเพื่อนซี้หน้าฝนของผมอีก “ทากดูดเลือด” ความจริงผมไม่ได้กลัวพวกเขานะครับ แต่ผมคิดว่าเราเดินทางผ่านบ้านเขาแล้วก็น่าจะจ่ายค่าผ่านทางด้วยเลือดไม่กี่ซีซี

05

ระหว่างที่เดินศึกษาธรรมชาติ พวกเราก็ได้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ บรรยายและถ่ายทอดประสบการณ์ให้ความรู้กับพวกเราตลอดเส้นทาง

06

ระหว่างทางเราก็พบกับมหัศจรรย์ของธรรมชาติเสมือนกับพรมสีเขียวที่มีชีวิต กระจายอยู่บนก้อนหิน และต้นไม้ อนิจจาทำไมเราพบได้แต่ในป่าน่ะ

07

พอเรามองไปตามต้นไม้สองข้างเราก็จะพบเถาวัลย์รูปแบบที่แตกต่างและหลากหลาย แต่ประโยชน์มันมีมากมายต่อทั้งต้นไม้ สัตว์ป่า หรือแม้แต่มนุษย์เอง

08

09

10

ผลของเถาวัลย์ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จัก แต่ที่แน่ๆ บรรดาสัตว์ในผืนป่าแห่งนี้จะต้องรู้จักและใช้ประโยชน์จากต้นนี้แน่นอน เห็นไหมครับธรรมชาตินั้นมีอะไรอีกมากมายให้ค้นหาจริงๆ

11

12

นอกจากความมหัศจรรย์ที่เราสังเกตได้บนต้นไม้แล้ว ระหว่างทางก็พบเห็ดนานาชนิดผุดออกมาอวดโฉมบอกแก่ชาวโลกว่า ณ ที่แห่งนี้ก็ยังมีฉันอยู่ เพราะฉันเป็นหนึ่งในผู้ย่อยสลายแห่งผืนป่าแห่งนี้ แต่ผมขอเตือนไว้ก่อนว่า หากเราพบเห็ดขึ้นตามป่าแล้วเราไม่รู้จักก็อย่าไปกินสุ่มสี่สุ่มห้านะครับเพราะว่าอาจจะเกิดอาการ “เมาเห็ด” ถึงขั้นเสียชีวิตได้

13

14

15

อันนี้ก็พืชตระกูลขิงข่าครับดอกสวยดี

16

ก่อนจะออกจากป่าผมได้พบกับห้องแถวหลบฝนของสัตว์ป่า ภายใต้ต้นไทรนี้มีโพรงพอที่จะให้เราเข้าไปได้ แต่ผมคงไม่เข้าไปเพราะว่าอาจจะมีเพื่อนของเราเข้ามาใช้บริการแล้วก็ได้ ดูจากปากทางเข้ามีร่องรอยของผู้มาใช้งาน

17

และแล้วเราก็เดินพ้นออกมาจากป่าและเข้าสู่ทุ่งหญ้า ซึ่งเป็นทั้งที่หาอาหาร พักผ่อน และหลบภัย ของสัตว์หลายชนิด สำหรับอาคารที่เห็นข้างหน้าคือ “หอส่องสัตว์หนองผักชี” นั่นคือจุดหมายปลายทางของเราใน การเดินป่าครั้งนี้ครับ

18

ผมใช้เวลาอยู่ในห้องเรียนแห่งนี้ประมาณ 4 ชั่วโมง พบพรรณไม้ทั้งที่รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง พบนกหลากหลายชนิดและภาพความเอื้อเฟื้อกันระหว่างสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต แม้ผมจะเข้ามาในห้องเรียนนี้หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยที่จะรู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยหน่ายแม้แต่น้อย แม้จะเจอบทเรียนซ้ำๆ แต่ในหัวใจของผมก็เบิกบานเสมอมา การเดินทางมาห้องเรียนธรรมชาติครั้งนี้คงจะ “เพียงพอและพอเพียง” ต่อการได้ปลดปล่อยความเป็นคนเมืองที่คร่ำเคร่งกับหลายๆ เรื่อง ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาอันสั้นแต่ผมก็พยายามตักตวง ความงดงามและความบริสุทธิ์ของธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด เพื่อที่จะนำไปเป็นแรงผลักดันในการดำรงชีวิตในป่าคอนกรีตอีกครั้ง และรอคอยเวลาที่จะกลับมาตักตวงเอาความสุขแบบนี้อีกครั้งอย่างจิตใจที่กระหาย “เคารพต่อสิทธิของธรรมชาติในการดำรงอยู่ ทิ้งไว้แต่รอยเท้า เก็บไปแต่ภาพถ่ายและความทรงจำ”

นำเสนอโดย

นายนกขมิ้นน้อยธรรมดา

Comments

comments

Comments are closed.