วันนี้เป็นวันที่ 5 ของกิจกรรมเดินธรรมยาตรา ซึ่งก็มาได้กว่าครึ่งค่อนทางแล้วล่ะครับ สำหรับผม วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะอยู่ร่วมกิจกรรมกับพวกเพื่อนๆ เพราะผมลางานมาได้เพียง 4 วันครับ เกรงใจเจ้านาย(ลาหลายวันเดี๋ยวจะใช้คอมฯไม่เป็น) อีกอย่างที่สำคัญก็คือผมจำเป็นต้องกลับไปปฏิบัติงานทำมาหาเลี้ยงชีพ เหมือนกับมนุษย์ในสังคมส่วนใหญ่ที่ต้องก้มหน้าก้มตามต่อสู้เพื่อปากท้อง

Entryนี้ผมไม่มีรูปประกอบ เพราะรูปหายหมดเลย เด๋วจะไปขอนายเต่านายปุยมาใส่ให้ทีหลังนะครับ

เช้านี้กิจกรรมก็ปฏิบัติกันเหมือนทุกวัน หลวงพ่อท่านเทศนาและสั่งสอนให้มีจิดสำนึก วันนี้ผมตั้งใจฟังเป็นพิเศษเพราะเป็นวันสุดท้าย ปีหน้าถึงจะได้มาร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆอีก

หลังจากเทศนาเสร็จ พี่ตู้ก็ชวนน้องๆในค่ายมาเล่นเกมส์สันทนาการเพื่อรีแลค ยอมรับเลยว่าพี่ทั่นเป็นนักกิจกรรมมืออาชีพจริงๆ สนุกสนานและได้แง่คิดดีๆกันไปทุกคน วันหน้าคงต้องขอคำชี้แนะ เผื่อว่าจะได้เอาไปเล่นกันเพื่อนๆที่ทำงานมั่ง

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ คณะธรรมยาตราก็ออกเดินทางกันต่อภ วันนี้พิเศษกว่าทุกวันเพราะฝนทำท่าจะตก ภูเขาหลายลูกโดนโถมทับด้วยก้อนเมฆขนาดมหึมา สวยมาก(เดี๋ยวจะเอารูปมาแปะให้ดูทีหลังนะครับ) ทุกคนเดินอย่างตั้งใจเหมือนเช่นเคย แต่ เอ ทำไมวันนี้ตากล้องถึงได้เยอะกว่าทุกวัน มาทราบภายหลังว่ามีพี่ๆอีกกลุ่มเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วย พี่ๆกลุ่มนี้เค้านิยมถ่ายรูปเป็นกิจกรรมหลักนั่นเอง เห็นกล้องและเลนส์พี่ๆเค้าแล้ว ชวนให้น้ำลายไหล ราคาแพงระยับเลย

อุ้ยโหยว…. เหมือนจะมีฝนแฮะ แน่นอนถึงตอนนี้เหล่าสาวกกล้องแพงเริ่มเก็บกล้องกันพัลวัน เห็นแล้วเสียวแทน ส่วนคณะธรรมยาตราเมื่อเจอฝน ทุกคนก็ยังคงเดินเหมือนปกติ ไม่สะท้านสะเืทือนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินกันต่อไป เห็นแล้วประหลาดใจมา

มองไปรอบทิศ ทั้งทุ่งกว้างและภูเขา มีแต่เมฆและฝนปกคลุม งดงามจริงๆ ช่างเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวที่ดูมีคุณค่ามากๆ

ว๊า วันนี้หมดเวลาล๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเล่าให้ฟังต่อนะครับ

Comments

comments

Comments are closed.