วันนี้ผมได้มีโอกาสไปทำธุระที่จังหวัดแห่งหนึ่งของภาคกลางตอนบน นั่นก็คือ จังหวัดอุทัยธานี

สิ่งแรกที่ผมประทับใจเกิดขึ้นก่อนเข้าถึงตัวเมืองครับ ผมรู้สึกว่าคนที่จะเข้ามาจังหวัดนี้ต้องตั้งใจที่จะมาจริงๆ เนื่องจากตัวเมืองอุทัยธานีไม่ได้อยู่ใกล้เส้นทางหลัก คือเราต้องเลี้ยวซ้ายจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 มายังทางหลวงหมายเลข 333 และวิ่งตรงมาอีกไม่น้อยกว่า 12 กิโลเมตร จึงจะเข้าอำเภอเมืองครับ แต่บนเส้นทาง12 กิโลเมตรก่อนถึงตัวเมืองนั้นถนนหนทางสุดจะกว้างขวางและคุณสามารถทำเวลาได้จนคุณลืมเรื่องของระยะทางไปเลยล่ะ (แต่อย่าขับเร็วมากล่ะ อันตราย)

IMG_8049

เมื่อเข้ามาสู่ตัวเมืองผมพบว่าที่นี่มีความพิเศษเกี่ยวกับสถานที่อยู่มากมายหลายที่ อีกทั้งยังดูสงบเงียบไม่วุ่นวาย ไม่มีห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่ผุดราวกับดอกเห็ดเหมือนอย่างกรุงเทพฯภ ตึกรามบ้านเรือนสมัยก่อนยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีและผู้คนที่นี่ก็ยังคงอยู่อาศัยภายในอาคารเก่าแห่งนี้แม้จะผ่านการปรับปรุงซ่อมแซมซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ความสวยงามของตัวอาคารก็ยังคงอยู่ได้ตามสภาพมาถึงปัจจุบันครับ

ย่านค้าขายเก่าที่เป็นร้านขายของชำและแหล่งที่พักอาศัยถูกผสมกลมกลืนกันได้อย่างลงตัวและมีเสน่ห์ คงจะไม่แปลกหากผมจะบอกว่า เมืองแห่งนี้เปรียบเสมือน ”พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต” และจะดำเนินต่อไปตามจังหวะและวิถีของชุมชนเป็นผู้ขับเคลื่อนต่อไป

IMG_8048

จากการขับรถ(หลง)รอบเมืองของผม เราได้พบความพิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือที่นี่ “ไม่มีไฟแดง”ครับ เกือบทุกแยกของที่นี่เป็น “วงเวียน” ความพิเศษของวงเวียนที่ก็มีคือ วงเวียนแต่ละที่นั้นหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวงเวียนน้ำพุ วงเวียนกระถางต้นไม้ หรือแม้แต่วงเวียนหอนาฬิกา แต่ที่วงเวียนที่สะดุดตาผมเป็นอย่างมากก็คือ “วงเวียนรูปช้าง” เป็นวงเวียนที่มีต้นไม้ใหญ่แล้วมีช้างหลายตัว (ช้างบ้านเราเรียกเป็น “เชือก” แต่ถ้าช้างป่าเราเรียกเป็น “ตัว” อย่าสับสนนะครับ) ยืนตระหง่านเหมือนอยากจะบอกนัยว่าบ้านนี้เมืองนี้อุดมสมบูรณ์ทั้งสัตว์ป่าและพรรณไม้ และพร้อมที่จะปกป้องจากผู้ที่จะมาทำลายทำร้ายต้นไม้ต้นนี้หรือตัวแทนของธรรมชาติทั้งปวง

IMG_8046

ผมยังได้มีโอกาสพักค้างแรมที่จังหวัดนี้หนึ่งคืน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินเล่นชมเมืองด้วยความสุขเพราะได้ซึมซับเอาบรรยากาศวิถีชีวิตของชุมชนเมืองที่ไม่มีความเร่งรีบเหมือนกับอำเภอเมืองจังหวัดอื่นๆ ผู้คนยิ้มแย้มเป็นมิตร ภาพวิถีชีวิตชาวน้ำ (แพริมน้ำ) แม้จะไม่มีภาพประกอบเพราะฝนตก กล้องผมมันดันเป็นระบบกันน้ำ(ออก)ซะด้วย จึงไม่ได้ภาพบรรยากาศเหล่านั้นมาด้วย ยังไงรอบนี้ขอติดไว้ก่อนนะครับ รอบหน้าผมจะมานำเสนอเพิ่มเติมอีกนะครับ

สำหรับเพื่อนๆที่จะมาเที่ยวที่นี่(หรือใครจะมาตั้งหลักปักฐาน) ความประทับใจที่สำคัญของผมอีกอย่างก็คือค่าครองชีพที่นี่ไม่แพงเลยครับ จากที่ผมได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาตลอดทั้งวันทำให้ผมได้ฉุกคิดขึ้นมาว่า เราจำเป็นขนาดไหนที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ เราจำเป็นหรือไม่ที่ต้องเข้าห้างสรรพสินค้าแทนตลาดสดภ เราจำเป็นมากแค่ไหนที่ต้องมีรูปแบบการใช้ชีวิตเหมือนกับคนเมืองกรุง และหากนำมาเปรียบเทียบกับเมืองแห่งนี้แล้วผลลัพธ์กลับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง แม้ไม่มีห้างสรรพสินค้า คนที่นี่ก็ยังมีตลาดสดทั้งตลาดเช้าและตลาดตอนเย็น ยังทำมาหากินได้ตามปกติ แล้วท่านหล่ะคิดเหมือนผมหรือไม่ หากท่านจะพิสูจน์สิ่งที่ผมกล่าวมานี้ต้องไปสัมผัสเองครับที่จังหวัดอุทัยธานี

“มาอุทัย (ธานี) ไม่ต้องอุทธรณ์ ค่ำแล้วนอนที่อุทัย”

โดย

นายนกขมิ้นน้อยธรรมดา

Comments

comments

Comments are closed.