10.30 น. เสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2551

ผมตื่นขึ้นมาก่อนเพลสามสิบนาที พี่ตู้กับน้องส้มมาปลุกเพื่อที่จะพาไปร่วมกิจกรรมกับคณะธรรมยาตราที่วัดแห่งหนึ่ง (นึกยังไงก็นึกไม่ออกครับว่าวัดชื่ออะไร ต้องอภัยครับ) วัดที่ว่านี้อยู่ในเส้นทางที่คณะธรรมยาตราต้องผ่าน ทีมผู้ประสานงานคณะฯได้ใช้เป็นสถานที่พักรับประทานอาหารก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังที่จุดหมายปลายทางของวันนี้ครับ

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
เดินทางไปวัดที่คณะธรรมยาตราหยุดพักทานอาหาร ผมกับปุกปุยนั่งกระบะส่วนพี่ตุ้มกับปุ้มนั่งอยู่ด้านหน้า

ผมกับปุกปุยนั่งท้ายรถกระบะเหมือนอย่างเคย และพอไปถึงที่วัดก็พบว่ามีผู้มาร่วมกิจกรรมมากมาย มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งยังมีชาวต่างชาติอีกด้วยครับ กระจายตัวหาที่นั่งกันทั้งด้านบนและด้านล่างของศาลาวัด ขณะกำลังมองหาเพื่อน ๆก็สังเกตุเห็นว่ามีกลุ่มคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่างที่ด้านล่างของศาลาวัด เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆก็ประหลาดใจครับ เพราะพวกเค้ากำลังซื้อขายเสื้อผ้ามือสองกันอย่างสนุกสนาน

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ

กำลังเลือกซื้อเสื้อผ้ามือสองกันอย่างสนุกสนาน คนขายเชียร์เก่งมาก มาทราบภายหลังว่าทุกปีผู้มาเข้าร่วมคณะธรรมยาตราจะนำเสื้อผ้ามาบริจาคเพื่อนำมาขายให้กับชาวบ้านในราคาถูกมาก ราคาตัวละ 5-10 บาทเองครับ หรือหากชาวบ้านต้องการจะให้ราคาดีนั้นก็สามารถทำได้ แล้วแต่จิตศรัทธา และเงินที่ได้มาก็จะนำมาบริจาคให้กับวัดที่มาพักรับประทานอาหารทั้งหมด นอกจากเสื้อผ้าแล้วก็ยังมีของเล่นเด็กอีกด้วย งานนี้เด็ก ๆแถวนั้นยิ้มกันทุกคน เพราะของเล่นทั้งดีและราคาถูก

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
ท่านที่กำลังยืนพูดคุยกับนายปุกปุย คือ อาฉัตร หนึ่งในทีมผู้ประสานงาน วันนี้ยังรับหน้าที่เป็นผู้นำทีมขายเสื้อผ้าอีกด้วย

 

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
ที่นั่งกันอยู่คือ กลุ่มน้อง ๆจากโรงเรียนรุ่งอรุณ ซึ่งมาร่วมเดินธรรมยาตราด้วยกันทุกปีครับ

 

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ

อีกฝั่งหนึ่งพี่ตุ้มและน้องส้มกำลังนั่งระบายสีธงกับเด็ก ๆ อ้อ ฉายาพี่ตุ้ม คือ หัวหน้าเด็ก ครับเดินวน ๆอยู่ได้สักพักผมก็ย่องขึ้นไปบนศาลาเพื่อจะดูว่าเค้ามีกิจกรรมอะไรกันบ้าง เห็นผู้คนนั่งกันแน่นขนัด ทราบว่า พระอาจารย์ไพศาล ผู้นำกิจกรรมการเดินธรรมยาตราฯกำลังเทศนาธรรม และเรื่องราวเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในลุ่มน้ำลำปะทาว ผมยืนฟังอยู่นานจึงได้เข้าใจว่า ท่านกำลังส่งสารไปยังทุกคนที่กำลังนั่งฟังว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเราทุกคนจะต้องหันมาปกป้องและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมธรรมชาติอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นผลเสียก็จะตกสู่เราและลูกหลานของเราอย่างสาหัสสากันครับ

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
พระอาจารย์ไพศาลกำลังเทศนาธรรมให้กับคณะธรรมยาตรา

เกี่ยวกับ พระอาจารย์ ไพศาล วิสาโล ท่านเป็นพระนักคิดที่มีใจอนุรักษ์อย่างเต็มเปี่ยม ผมได้ยินชื่อเสียงท่านมานานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้มีโอกาสศึกษาอัตชีวประวัติของท่านอย่างละเอียด ที่น่าประหลาดก็คือ เมื่อวาน (วันที่ 31 ตุลาคม) ก่อนเดินทางมาวัดป่าสุคะโต เจ้านายที่ทำงานผมซื้อหนังสือให้เล่มนึงให้เป็นของขวัญวันเกิด ชื่อ ฉลาดทำใจ ซึ่งผู้เขียนก็คือ พระไพศาล วิสาโล นั่นเองครับ

พระอาจารย์ไพศาลท่านได้รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสต่อ หลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ และยังได้ดำเนินการโครงการ เดินธรรมยาตรา ลุ่มน้ำลำปะทาว สืบต่อจากหลวงพ่อคำเขียนอีกด้วยครับ

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาส วัดป่าสุคะโต

หลังจากคณะฯรับประทานอาหารเที่ยงกันเสร็จ ทีนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องเดินทางต่อไปยังจุดหมายในวันแรกนั่นก็คือ วัดอุทัยธรรมาราม ซึ่งวัดนี้ก็อยู่ในตำบลท่ามะไฟหวานนั่นเอง (ไม่ใช่ใกล้ ๆ ครับ หลายกิโลกว่าจะเดินกันถึง) ทีมงานผู้ดูแลความสะดวกในโครงการธรรมยาตรา ให้ทุกคนมาตั้งแถวเพื่อเดินทางกันต่อ

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
หัวขบวนจะนำโดยพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล และคณะสงฆ์

ลักษณะของการตั้งแถวของคณะธรรมยาตราก็คือแถวชุดแรกนำขบวนจะเป็นพระ ซึ่งท่านจะถือธงธรรมจักร จากนั้นก็ตามด้วยแม่ชี และก็ตามด้วยคณะธรรมยาตราที่เป็นเหล่าฆราวาสอย่างเรา ๆ ในกลุ่มฆราวาสประกอบไปด้วยพี่น้องๆหลากหลายวัยจากหลายๆที่ครับ เป็นทั้งพนักงานบริษัท พนักงานรัฐภ นักศึกษา นักเรียนจากหลายโรงเรียน(ที่จำได้ชัดคือโรงเรียนรุ่งอรุณที่มีครูชาลีเจ้าเก่าเจ้าเดิมนำมาครับ ผมไม่ได้คุยกับครูชาลีอย่างเป็นกิจลักษณะ วันหน้าคงได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนไอเดียกันนะครับ) ในขบวนธรรมยาตราของเรายังมีคณะชาวต่างชาติมาด้วยหลายคน(อันนี้ผมก็ลืมถามไปว่ามาจากประเทศอะไร ทราบแต่ว่าหนึ่งในนั้นมาจากอินเดีย)

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งใน 10 วันนี้ ทุกคนน่าจะต้องเดินทางไกลกว่าร้อยกิโลเมตรเลยทีเดียว

เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ก่อนออกเดินธรรมยาตราก็จะมีการนำสวดโดยพระหรือไม่ก็เป็นฆราวาสผู้นำคณะธรรมยาตรา ทั้งนี้เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ผู้ร่วมเดินทุกคนครับ เมื่อให้ศีลให้พรกันเรียบร้อยแล้วพระท่านก็จะตีกลอง (เป็นกลองเล็ก ๆ ที่ถือมือเดียวได้ เหมือนกลองญี่ปุ่น) เป็นสัญญานเพื่อให้จังหวะและควบคุมสติไปด้วยในตัวครับ

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
ปิดท้ายขบวนครับ ปกติผมกับปุกปุยจะเดินในตำแหน่งนี้

อย่างที่เรียนให้ทราบครับว่า วันนี้ผมและปุกปุยยังเดินไกลกันไม่ไหว จึงได้แต่เดินสังเกตุการณ์ไปได้สักระยะและก็เดินทางกลับไปยังวัดป่าสุคะโตเพื่อนอนพักผ่อน คืนนี้พี่ตุ้มบอกว่าเราจะต้องมาร่วมทำกิจกรรมกับคณะธรรมยาตราซึ่งมีกิจกรรมหลายอย่างที่น่าสนใจครับ

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
เจ้าปุกปุยซ้อมเดินขำขำกันไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยเดินจริงครับ

หลังจากก๊วนนอนหลับพักผ่อนกันเรียบร้อย พวกเราก็เดินทางออกจากวัดป่าสุคะโตไปยัง วัดอุทัยธรรมาราม ซึ่งเป็นจุดพักในคืนแรกของคณะธรรมยาตราในครั้งนี้ เมื่อไปถึงก็พบว่ามีเต้นท์กางเรียงรายอยู่เต็มวัด ส่วนในศาลาวัดนั้นคณะธรรมยาตราก็กำลังทำวัตรเย็นกันอยู่ซึ่งฆราวาสทำวัตรด้วยเช่นกัน

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
ถึงสถานที่ร่วมกิจกรรมในค่ำคืนนี้ วัดอุทัยธรรมาราม

และหลังจากเสร็จพิธีพระอาจารย์ไพศาลก็จะเทศนาธรรมให้ทุกคนได้รับฟัง แน่นอนว่านี่คือไฮไลต์สำคัญสำหรับผม เพราะจะได้แง่คิดดี ๆ เสมอ ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องของสิ่งแวดล้อม แต่จะได้แนวคิดในเรื่องของการเจริญสติมาด้วย หลักจากพระอาจารย์ไพศาลเทศนาธรรมจบ ก็จะเป็นการกิจกรรมอื่นของฆราวาส ในคืนนี้เป็นแสดงของเด็ก ๆ และผู้เข้าร่วมในคณะครับ

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
หลังจากทำวัดเย็นและฟังเทศนาธรรมเสร็จ ก็จะมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ได้พูดคุยกัน

น้องๆ จาก โรงเรียนรุ่งอรุณ มารับหน้าที่แสดงละครสั้น อันนี้ผมขอชมน้อง ๆจากใจจริงว่ามีวิธีคิดในการนำเสนอที่ดีมาก เห็นเจ้าเต่าบอกว่าตอนซักซ้อม น้องเค้าคิดได้ซับซ้อนกว่าที่แสดงจริงมาก แต่เนื่องจากเวลาจำกัดจึงจำเป็นต้องตัดบางส่วนออกครับ ขนาดตัดออกยังดีขนาดนี้ ถ้ามีโอกาสนำเสนอแบบเต็ม ๆ ผมว่าคงจะน่าดูไม่น้อย

เดินธรรมยาตรา ชัยภูมิ
ฟังกีต้าร์คลาสสิคบรรเลงก่อนแยกย้ายกันไปนอนพักผ่อน

ปิดท้ายด้วยการเล่นกีต้าร์คลาสสิคของนักเรียนและอาจารย์จากโรงเรียนสอนดนตรีฯ (ขออภัยครับ จำชื่อโรงเรียนไม่ได้) และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ผมรู้สึกประทับใจมาก เสียงกีต้าร์คลาสสิคช่างมีมนต์เสน่ห์ขัดเกลาจิตใจได้ดีไม่แพ้ธรรมะเลยทีเดียว บวกกับบรรยากาศเงียบ ๆ ในขณะที่ทุกคนตั้งใจฟัง ผมคิดว่าแค่เพียงแค่วันแรกของการเดินธรรมยาตราในครั้งนี้ ผมรู้สึกว่าคุ้มค่าแล้วที่มาร่วมกิจกรรมธรรมยาตราในครั้งนี้

Comments

comments

Comments are closed.