และแล้วพวกเราก็มาถึงปากทางเข้าศูนย์ศึกษาธรรมชาติฯจนได้ ที่ปากทางเข้ามีคณะของเราที่พลัดหลงกันระหว่างทางรออยู่ก่อนแล้ว น้องแทนหนึ่งในคณะผู้รอบอกว่ารออยู่นานมาก ก็เลยเก็บภาพป้ายทางเข้าซะหลายภาพ จนป้ายจะพรุนอยู่แล้ว พี่ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับ ;-Pภ และแน่นอนครับ ผมไม่พลาดที่จะเก็บภาพที่ระลึกตรงป้ายทางเข้าไว้สักภาพก่อนเดินทางเข้าไปยังตัวศูนย์ฯ
- ยืนถ่ายรูปจนป้ายศูนย์ฯ ถ่ายเยอะมากจนป้ายแทบพรุน
- ถ่ายรูปตรงที่กางเต้นท์นิดนึง
เมื่อมาถึงศูนย์ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือแจ้งเจ้าหน้าที่ตามธรรมเนียม เจ้าหน้าที่ที่บริการเราค่อนข้างอัธยาศัยดีครับ แนะนำเราหลายๆอย่าง ที่ระเบียบ ที่พัก และที่เที่ยวใกล้ๆศูนย์ เจ้าหน้าที่ไกด์ไลน์ว่า ที่นี่เป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติ ดังนั้นเสียงอึกทึกครึกโครมจำต้องงดตอนสี่ทุ่ม อันนี้พวกเราทราบดี และพี่เค้ายังแนะนำว่ายังพอมีบ้านพักเหลืออยู่ 1 หลังซึ่งจะเข้าไปพักได้ แต่พวกเราเลือกที่จะกางเต้นท์ครับ เพราะต้องการบรรยากาศที่สัมผัสธรรมให้มากที่สุด เมื่อได้รับข้อมูลครบถ้วนแล้ว ผมและคณะก็ลงไปกางเต้นท์ทันที ไม่งั้นเดี๋ยวที่ดีๆจะมีคนจองไปซะก่อนภ และก็ไม่ผิดหวังครับ พวกเราได้ทำเลที่เจ๋งทีสุดคือติดอ่างเก็บน้ำ มันเป็นทำเลที่สุดยอดมากแม้ตอนที่กางเต้นท์จะร้อนแทบหัวระเบิดก็ตาม แต่ลึกๆในการคาดหวังของผม ผมเชื่อว่า ตอนกลางคืนและตอนเช้าวิวที่นี่จะต้องสวยสุดยอดแน่ๆ
- วิวข้างๆที่กางเต้นท์ของเรา
- เริ่มกางเต้นท์กันก่อนเลย
- ประมาณว่าหิวมาก เลยกินข้าวเที่ยงกันซะเต็มที่
หลังจากกางเต้นท์เสร็จพวกเราก็รีบดิ่งไปที่ส่วนบริการนักท่องเที่ยวเพื่อสั่งอาหาร ผมและคณะซัดกันเต็มเหนี่ยวด้วยความโหยหิว อย่าถามว่าอร่อยหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลครับ อิๆภ พอกินอิ่มพวกเราก็เริ่มปรึกษากันว่าจะไปที่ใดต่อดี และผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าที่นี่มีน้ำตก แต่ไม่รู้ว่ามันจะยังไหลอยู่รึป่าวเพราะเข้าหน้าหนาวมานานฝนหยุดไปหลายเดือนแล้วล่ะ ถามเจ้าหนาที่ พี่ๆเค้าก็ไม่ค่อยแน่ใจ ตอบได้ไม่เต็มปากว่ามีน้ำหรือป่าว ที่สุดพวกเราก็วัดดวง เดินทางไปเลยดีกว่า จะได้รู้กันไงครับว่า มีน้ำหรือไม่มี
เอาล่ะครับวันนี้ต้องไปทำงานแล้วEntryหน้าผมจะมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ สวัสดี