งัวเงียตื่นกันตั้งแต่หกโมงเช้า เมื่อคืนเจ้าไก่คงเข็ดไปอีกนานที่ได้นอนไกล้นายปุกปุย และจากนี้ไปคงจะไม่ได้มานอนที่เดียวกันอีกต่อไป ด้วยเสียงกรนระดับซูเปอร์โชนิกบูมทั้งคืน แต่ละจังหวะไม่ซ้ำกัน เดชะบุญผมรู้ตัวทันอีกเช่นเคย จึงชิงหลับไปซะก่อน จะมีก็แต่เจ้าไก่ที่ต้องทนทุรนทุรายจนถึงเช้า 55

IMG_4941

ผมไม่ได้ใส่บาตรมานานล๊ะ วันนี้จึงรู้สึกดีมากๆครับ ได้อุทิศส่วนกุศลถึงเจ้ากรรมนายเวรและญาติผู้ล่วงลับ

IMG_4955

รองท้องด้วยขนมปังและปลาท่องโก๋ที่เจ้าของโฮมสเตย์เค้าเตรียมไว้ให้ ตบด้วยกาแฟร้อนๆ เท่านี้ก็ตาสว่างแล้วล่ะครับ เดินโต่เตร่อยู่ได้สักพักคณะทริปก็กลับไปอาบน้ำอาบท่าเก็บข้าวของสัมภาระเดินทางไปยังตลาดอัมพวาอีกครั้ง

IMG_4961

สิ่งแรกที่ทำเมื่อพวกเรามาถึงตลาดก็คือ กินก๋วยเตี๋ยวเรือ ซัดไปสองชามเต็มครวบอร่อยเหาะตีลังกาเลยครับพี่น้อง

IMG_5007

นักกินไปชมบรรกาศไป เห็นอะไรอร่อยก็เรียกซื้อครับ

IMG_5012

คิดอยู่นานว่าจะมาต่อข้าวแกงดีรึป่าว แกงแต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้น ที่สุดก็ต้องรีบไปเดี๋ยวจะหมดเวลาซะก่อน

IMG_5021

ผมกับคณะทริปตกลงกันได้ว่าจะนั่งเรือชมสองฝั่งคลองอัมพวา แต่ไม่เลือกที่จะนั่งเรือหางยาว เราจะนั่งเรือพายกับคุณลุงวันห้าสิบเศษคนนึง ลุงที่อยู่กับอาชีพคนแจวเรือพาเที่ยว

IMG_5048

ไม่แน่ใจว่าคนนั่งเรือพายที่เวนิสจะได้รับความรู้สึกดีๆเหมือนที่ผมกับเพื่อนๆกำลังได้รับอยู่ตอนนี้หรือป่าวนะ ได้เห็นสองฝั่งในอีกความรู้สึกหนึ่ง วิถีชีวิตของคนที่นี่ ผมว่าหลายสิ่งหลายอย่างดูมันแย้งกันในบางครั้ง ผมมีคำถามและผมก็ได้คำตอบนั้นแล้ว ตอนท้ายของEntryผมจะเล่าให้ฟังครับ

IMG_5062

ใจจริงผมอยากจะเข้าไปในคลองแยกย่อยที่อยู่ตรงด้านซ้ายมือมากกว่า ผมคิดเอาเองว่าตรงนั้นต่างหากที่น่าจะเป็นที่ที่ผมได้เห็นวิถีชีวิตของคนที่อัมพวาจริงๆ ไม่ใช่ตรงตลาดที่ผมผ่านมา ที่นั่นช่างดูเงียบสงบน่าเข้าไป แต่อีกใจหนึ่งผมก็ฉุกคิดได้ว่าถ้าผมเข้าไปความวุ่นวายก็จะติดไปด้วย รบกวนพวกเค้าเปล่าๆภ แน่นอนว่าไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกทีคิดแบบนี้ ก่อนหน้านี้คงมีคนคิดเหมือนกันกับผมแน่นอน

IMG_5077

วันนี้วันอาทิตย์ ช่วงเช้าจึงยังไม่ค่อยจะวุ่นวายเท่าไร แต่เดี๋ยวช่วงบ่ายๆ คงได้เห็นเรือหายยาววิ่งกันระงม ใช้เวลานั่งเรืออยุ่ประมาณ 40 นาทีลุงคนแจวเรือก็พาพวกเรากลับมาส่งยังฝั่งครับ ผมและเพื่อนรีบซื้อของฝากก่อนที่คนจะเยอะ จากนั้นก็ตรงไปยังแหล่งท่องเที่ยวอีกที่นั่นก็คือ วัดบางกุ้ง ครับ

IMG_5086

วัดบางกุ้งตั้งอยู่ต.บางกุ้ง อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ผมมาที่นี่ก็เพื่อมาสักการะและชมโบสถ์ที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา คนแถวนี้เค้าเรียกกันว่า โบสถ์หลวงพ่อดำ ความพิเศษอยู่ตรงที่ตัวโบสถ์ทั้งหลังปกคลุมด้วยต้นไม้ถึง 4 ชนิด คือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร ต้นกร่าง บางครั้งชาวบ้านเรียกกันว่า โบสถ์ปรกโพธิ์ ที่นี่ถือได้ว่าเป็น Unseen Thailand สถานที่นึงเลยล่ะครับ

IMG_5136

ภายในตัวโบสถ์เย็นสบายมากๆครับ เย็นจนผมเกือบจะนั่งหลับอยู่ในนั้น

IMG_5142

ตรงนี้เป็นจุดที่นักถ่ายภาพมาต้องมาเก็บภาพไว้ ส่วนผมไม่ใช่นักถ่ายภาพ รูปก็เลยออกมาอย่างที่เห็น ฮา

IMG_5148

สักพัก พวกเราก็ตรงไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่สุดท้าย นั่นก็คือ อาสนวิหารพระแม่บังเกิด นี่เป็นรูปสุดท้ายที่ผมถ่ายได้ และแบตเตอรี่กล้องก็หมดพอดี

อาสนวิหารพระแม่บังเกิด ตั้งอยู่ที่ตำบลบางนกแขวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงครามครับ สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.2433 เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิกของประเทศฝรั่งเศส ฉาบด้วยปูนตำ ภายในประดับภาพกระจกสีสวยสดงดงาม

IMG_5150

และแล้วทริปนี้ก็ได้สิ้นสุดลง จากที่ได้ท่องเที่ยวที่อัมพวามาสองวัน ผมคิดว่าอัมพวาเป็นที่ที่มาท่องเที่ยวแล้วรู้สึกคุ้มมากๆครับ มันเหมือนกับเราได้มองย้อนไปยังอดีตเมื่อครั้งที่บ้านเราเมืองเรายังต้องอาศัยสายน้ำจากลำคลองดำเนินชีวิต แต่ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่าอัมพวากำลังจะถูกกลืนกินจากคนหัวใหม่ คนต่างถิ่น คนจากกรุงเทพฯ คนที่ไม่ค่อยเข้าใจวิถึของที่นี่ พวกเขามาหาผลประโยชน์ด้วยการทำพาณิชย์ท่องเที่ยว ทำของในท้องถิ่นให้ดูแพง ทำบรรยากาศให้เหมือนสวนจตุจักร เหมือนศูนย์การค้า เต็มไปด้วยมลพิษทางเสียงและขยะ ไม่อยากให้อัมพวาเหมือนแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่ล้มเหลวครับ อยากให้กลับมาเป็นเหมือนเมื่อสักสิบกว่าปีก่อน ช่วยกันรณรงค์นะครับพี่น้องชาวอัมพวาทุกท่าน

รักอัมพวาครับ

นำเสนอโดย

นายนกกระรางหัวหงอก

Comments

comments

Leave a reply

<a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong> 

required