การที่ต้องตื่นขึ้นมาทำวัตรเช้าตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เป็นอะไรที่สุดแสนจะทรมานสำหรับปุตุชนอย่างเราๆ ที่ปกติไม่ค่อยได้ตื่นเช้าบ่อยๆ แต่เชื่อเถอะว่าถ้าผ่านช่วงของความทรมานอันนี้มาได้ เราก็จะรู้สึกอีกแบบนึงนะ ภรู้สึกถึงความสดชื่นภายใต้อากาศที่หนาวเย็น รู้สึกถึงความตั้งใจของเพื่อนๆทุกคนที่มาร่วมทำวัตรเช้า รู้สึกถึงความสุขจากพิธีกรรมทางศาสนาที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และรู้สึกถึงความสุขที่ได้สดับรับฟังการเทศนาสอนธรรมจากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล ท่านเจ้าอาวาส วัดป่าสุคะโต จังหวัดชัยภูมิ
ผมเดินทางจากกรุงเทพฯ มาร่วมขบวนกับเพื่อนๆ ที่ชัยภูมิตั้งแต่เย็นวันที่สามของการเดินธรรมยาตราครั้งที่ 11 ซึ่งปีนี้ทางคณะได้ใช้สโลว์แกนว่า “โลกร้อน เย็นธรรม” นี่ช่างเหมาะเหม็งเสียจริงๆกับสถานะการณ์โลกปัจจุบันที่นับวันจะยิ่งแย่ลงๆๆ ด้วยเพราะโลกร้อนจากน้ำมือคน
โครงการเดินธรรมยาตรา ดำเนินมาถึงปีที่ 11 แล้ว ถ้าถามว่าได้อะไรจากการเดินธรรมยาตรา? ภผมคงตอบคำถามนี้แทนเพื่อนๆที่มาร่วมเดินธรรมยาตราท่านอื่นไม่ได้ คิดว่าแต่ละคนก็น่าจะมีคำตอบที่แตกต่างกันไป ตามเหตุและผลที่ได้รับ หรือตามแต่ใครจะคาดหวังหรือไม่คาดหวังสิ่งใดจาการเดินธรรมยาตรา และบางทีถ้ามีการคาดหวังเอาไว้ ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ได้ดังหวังนะ จากมากกว่าหรือน้อยกว่าที่หวังไว้หรือเปล่า อันนี้ก็ต้องมาลองร่วมกิจกรรมกันดูสักครั้งนะครับ ภเท่าที่มองดูเผินๆ ผมคิดว่าส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยจะคาดหวังกับใดๆ ในกิจกรรมในครั้งนี้ ปล่อยให้ใจว่างๆสบายๆเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น เป็นไปอย่างมี สติ และแน่นอนผมคาดหวังสิ่งนี้ สิ่งที่เรียกว่า “สติ”
มาเดินธรรมยาตราครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สามแล้วครับ ครั้งแรกได้ความรู้สึกประทับใจกลับไป ประทับใจจนถึงขนาดที่ว่าต้องกลับไปจดโดเมน www.world.in.th กันเลยทีเดียว ประมาณว่ามีความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะทำเว็บเขียนBlogเล่าเรื่องความประทับใจในครั้งนั้นให้เพื่อนๆได้รู้และอยากมากัน ภถัดมาอีกปีผมก็ได้ร่วมกิจกรรมเดินธรรมยาตราอีกเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้ความประทับใจก็ถูกเพิ่มเติมมาด้วยคำว่า สติ แรกๆ เลยก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่า คำว่าภสติ นั้น เราจะต้องปฏิบัติให้ลึกลงไประดับไหน หรือช่วยให้เราดีขึ้นมากน้อยเพียงไร กอรปกับพื้นฐานที่มีอยู่อย่างน้อยนิดมากเกี่ยวกับคำๆนี้ ภแต่พอได้ร่วมสวดมนต์ทำวัตรฟังหลวงพ่อท่านเทศน์ ก็รู้สึกว่จะเริ่มจะมองเห็นบางสิ่งบางอย่างรางๆ กระทั่งได้เริ่มต้นปฏิบัติ ฟัง ลองทำดู ลองนั่งดู ลองไม่คิด ใส่ใจกับปัจจุบันมากขึ้น นึกถึงเรื่องอดีตและอนาคตให้น้อยลง และพอทำไปบ่อยๆเข้า ก็รู้สึกสบายใจดีนะ เออ แปลกดีนะ
สมองคนสู้หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ไม่ได้ก็ตรงที่มันจำแม่นกว่าเรา ข้อมูลดีหรือข้อมูลไม่ดีมันก็จดจำไว้ทั้งหมด สำหรับคนแม้จะจำแม่นสู้คอมพิวเตอร์ไม่ได้ แต่นี่ก็อาจจะเป็นข้อดีก็ได้นะครับ เพราะเราจะได้ลืมเลือนในสิ่งที่ไม่ดีไปเสียบ้าง แต่มันก็จะอาจจะลืมทั้งสิ่งที่ดีๆ ด้วย ภความรู้สึกดีๆที่เราพยายามจะเค้นมันขึ้นมาอีกสักครั้ง ก็จะทำได้ยากขึ้น เพราะไม่ได้ฝึกฝน ผมเก็บมันมาไม่หมด และไม่นานถัดมาความประทับใจ วิธีการปฏิบัตตนให้เกิดสติก็ถูกเจือจางลงด้วยเวลา สิ่งเหล่านี้ถูกลืมเลือนไปหลังกลับจากการเดินธรรมยาตราครั้งที่ 10 ได้ไม่ได้นาน น่าจะเพียง 6 เดือนเห็นจะได้ เพราะเหตุนี้ผมจึงไม่ลังเลใจที่จะก็เข้าร่วมกิจกรรมเดินธรรมยาตราครั้งที่ 11 เพื่อตอกย้ำและลื้อฟื้นสิ่งดีๆ เหล่านั้นขึ้นมาอีกครั้ง
สติเกิดขึ้นทันทีตอนตีสี่ครึ่งขณะทำวัตรเช้า สติจะอยู่กับเราไปตลอดการเดินธรรมยาตรา สติจะกลับมาอีกครั้งตอนทำวัตรเย็น ภและตอนนี้ที่กรุงเทพฯ สติติดตัวมาด้วย เท่านี้แหละที่ผมคาดหวัง
Orange Smallfish
Facebook : http://www.facebook.com/wor1d
Twitter : @utility