ระหว่างทางเดินป่่า ลุงใจชี้ให้เราดูรอยตีนของสัตว์กินเนื้อชนิดหนึ่ง รอยตีนใหญ่กว่าแมวแต่ไม่ใหญ่มาก พิจารณาอยู่นานก็คาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นรอย เสือปลา พอเดินไปอีกหน่อยก็เจอมูลของมัน ทีนี้ก็ฟันธงได้เลยว่าเสือปลาแน่ๆ เสือปลา เป็นสัตว์ตระกูลแมวป่่า ขนาดตัวใหญ่กว่าแมวแต่ไม่ใหญ่เท่าเสือ สถานะตอนนี้ใกล้สูญพันธุ์ครับ พวกมันคงหากินใกล้แหล่งน้ำแถบๆนี้ ปกติเรามักจะไม่ค่อยได้เจอตัวมันง่ายๆครับ
เดินมาสักพักทุกคนก็ต้องสะดุ้งเมื่อมาเจอคราบงูขนาดใหญ่ ลุงใจหยิบขึ้นมาดูแล้วบอกกับพวกเราว่าเป็นคราบของ เห่าดง โอ โห มันเป็นคราบงูพิษที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมาครับ หวังว่าจะไม่เจอมันเป็นๆระหว่างเดินนะ
ลุงใจบอกว่าเป็นคราบที่ลอกไว้หลายวันแล้ว ตัวมันคงไปไหนต่อไหนแล้วล่ะ แต่ถึงแม้จะเจอตัว มันก็คงวิ่งป่าแลบซะก่อนที่เราจะวิ่งหนีมัน ลุงใจแกบอกว่า น้อยมากที่สัตว์ป่าจะกล้าเผชิญหน้ากับมนุษย์ เพราะทุกครั้งที่เจอมนุษย์ สัตว์ป่าทุกตัวรู้ดีว่างานเข้าแน่ๆครับ
เดินมาได้ประมาณเกือบสามสิบนาที พวกเราก็มาถึงที่หมาย เป็นจุดที่ทุกคนจะได้พักทานข้าวกัน ใกล้ๆมีลำธารไหลผ่านบรรยากาศดีมากๆ
น้ำใสมากๆ น่ากระโดดจริงๆ อากาศก็เย็นสดชื่นครับ
ที่เห็นตัวดำๆอยู่นั่นคือลูกอ๊อด ไม่ใช่ลูกอ๊อดของคางคกตัวเล็กๆเหมือนที่เราเคยเห็นกันที่กรุงเทพฯนะครับ แต่มันเป็นลูกอ๊อดขนาดใหญ่ยาวเกือบสองนิ้วได้ เจ้าปุกปุยบอกว่าน่าจะเป็นลูกออดของกบทูต
เผลอแป๊บเดียวลูกศิษย์อาจารย์บอยก็กระโดดลงน้ำไปซะล๊ะ คงทนความใสของน้ำไม่ได้ ฮาๆ
ทุกคนนั่งพักซึมชับเอาบรรยากาศดีๆ อยู่นานพอเท่าที่ต้องการ
สบายทั้งกายและใจจริงๆครับภ 🙂
บทความโดย
นายนกกระรางหัวหงอก