คืนนี้ หน่วยพิทักษ์อุทยานที่ 3 ตะเพินคี่ อากาศยังคงเย็นยะเยือกเหมือนเดิมครับ แม้เหล้าจะเข้าปากไปพอสมควรแต่ก็ไม่ได้ทำให้อุ่นขึ้นสักเท่าไร เอ แต่จะว่าไป กับความเชื่อที่ว่าดื่มเหล้าแล้วทำให้ร่างกายอบอุ่นนั้นล่าสุดเค้าก็วิจัยออกมาแล้วนะครับว่าไม่จริง การที่เรารู้สึกว่าร่างกายอุ่นนั้นก็เพราะแอลกอฮอร์ทำให้ระบบประสาททำงานช้าหรือเกิดอาการชาเฉยๆ เราก็เลยรู้สึกว่าไม่หนาว ทั้งที่ความจริงแล้วร่างกายก็ยังคงได้รับอุณหภูมิที่เป็นอยู่จริงๆ เท่าเดิม ดังนั้นเราควรใส่เสื้อผ้าให้อุ่นๆ เข้าไว้จะเป็นการดีที่สุดครับ
อ่อ มีคณะท่องเที่ยวกลุ่มอื่นมากางเต้นท์นอนเป็นเพื่อนด้วย ผมก็เลยถือโอกาสทักทายพูดคุยกันตามประสาคนชอบท่องเที่ยว ถามๆ ดูแล้ว ส่วนใหญ่เป้าหมายหลักของเค้าก็คือปีนเขาเทวดาเพื่อที่จะดูพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ตี่ห้า แน่นอน นั้นเป็นหนึ่งเป้าหมายหลักในทริปของเรา แต่พอชำเรืองดูกลุ่มปิศาจสุราของเราแล้วผมว่าเห็นทีจะยากครับ ให้ตื่นสัก 7 โมงเช้ายังลำบากเลย ฮ่าๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เลยไม่คาดหวังอะไรกับเป้าหมายที่ยอดเขาเทวดา จะไปก็ได้ ไม่ขึ้นก็ไม่เป็นไร ส่วนจะไปเที่ยวตรงจุดไหนนั้นค่อยโหวตกันอีกที อ้อ ลืมบอกครับว่าค่ำคืนนี้วงสุราของเราได้เชิญเพื่อนวัยรุ่นหนุ่มสาวเต้นท์ข้างๆ มาร่วมวงด้วย ผมจำไม่ได้ว่าในวงเสวนาเค้าคุยเรื่องอะไรกันบ้าง เพราะนั่งร่วมวงอยู่ด้วยไม่นานก็แอบชิงย่องเข้าเต้นท์หลับไปซะก่อน
ตื่นเช้าอีกทีก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงกว่าๆ อย่างที่ได้คาดการณ์ไว้ พระอาทิตย์วันนี้ดูสดใสเหมือนเมื่อวานครับ พวกเราถ่ายรูปกันเหมือนเดิม จนเมื่อเกือบจะสายทุกคนก็ได้จัดการภารกิจส่วนตัวและรับประทานกันเรียบร้อย ทีนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องถามไถ่กันดูครับว่า ตกลงเราจะยังปีนเขาเทวดากันอยู่ไหม แล้วความสวยงามของวิวทิวทัศน์จะยังมีให้เราเห็นอยู่หรือเปล่า ที่สุดพวกเราก็ตกลงกันได้ว่าจะไปปีนเขาเทวดาแน่นอนครับ และไม่ว่าข้างบนนั้นจะเป็นอย่างไร สวยหรือไม่ นั่นไม่ใช่เป้าหมาย เพราะเป้าหมายของเราได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางไปเรียบร้อยแล้ว สรุปคือ เราต้องไปถึงที่นั่นให้ได้
ยอดเขาเทวดา เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรีครับ โดยระดับความสูงจะอยู่ที่ 1,123 เมตรจากระดับน้ำทะเล และถือได้ว่ายอดเขาแห่งนี้เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในภาคกลางอีกด้วย เขาเทวดา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใน “อุทยานแห่งชาติพุเตย” โดยพื้นที่อุทยานแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ป่าประมาณ 317 ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว
แม้จะมองเห็นเขาเทวดาลูกโตๆ อยู่ข้างหน้า แต่การหาทางขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย พวกเราเดินวนอยู่นานสองนาน ถามทางแล้วก็ยังสื่อสารกันไม่ค่อยจะเข้าใจ คือคนบอกทางเค้าก็อธิบายไม่ถูกว่าให้มองอะไรเป็นหลัก ได้แต่บอกซ้ายบอกขวาบอกหน้าบอกหลังเท่านั้น ที่ฮามากก็คือเดินเลยปากทางเข้าไปสองสามรอบ หมานำทาง(ท่านใดไม่ทราบว่าคืออะไร อ่านจากบทความตอนที่แล้วนะครับ)ก็พาเราไปผิดทาง อันนี้จะโทษน้องหมาก็ไม่ได้นะครับเพราะเค้าก็คงไม่รู้หรอกว่าเราจะไปไหน เนื่องจากเส้นทางท่องเที่ยวตรงนั้นเชื่อมโยงไปยังจุดท่องเที่ยวอื่นๆ อีกหลายจุด
ระหว่างหลงทางเราก็ได้เห็นความสวยงามตามข้างทาง
บางทีการหลงทางมันก็ไม่ได้แย่จนเกินไปนัก อยู่ทีว่าเราจะใส่ใจกับสิ่งที่อยู่รอบข้างตัวเราหรือเปล่า
เนื่องจากเป็นคนสุพรรณฯเจ้าถิ่น ทั้งยังเป็นตัวตั้งตัวตีที่แนะนำให้พวกเรามาเที่ยวที่นี่ เปิ้ลจึงค่อนข้างจะกระตือรือร้นกว่าใคร โดยเฉพาะในสภาวะคับขันอย่างเช่นเวลานี้
ไม่รู้ว่าดอกอะไร แต่มันเข้ากั๊นเข้ากันครับวิวภูเขาที่อยู่ด้านหลังนั่น
ไม่นานพวกเราก็หาทางขึ้นเจอครับ เย้ ๆ ๆ
เดินไปได้สัก 1 ใน 4 ของเส้นทางขึ้นเขา สมาชิก 2 คนก็ขอบาย ขอนั่งพักรออยู่ ณ จุดนี้ดีกว่า อาจเป็นเพราะเมื่อคืนร่ำสุราหนักไปหน่อย ซึ่งจริงๆ ผมก็รู้สึกแย่อยู่นิดๆ แต่ประเมินตนเองดูแล้วว่าน่าจะไปต่อไหว ตอนนี้จึงกลายเป็นว่าอยู่อันดับสุดท้ายของคณะแล้วแหละ เพราะก่อนนั้น เปิ้ล ไก่ เน็ต ได้เดินนำไปก่อนแล้ว พวกคนหนุ่มสาวนี่พลังเยอะจริงๆ เดินกันไวมากๆ อ่อ จริงๆ แล้วน่าจะสัมพันธ์กับน้ำหนักตัวด้วยนะ อิ ๆ
และแล้วก็มาถึงยอดเขาเทวดา โอย เหนื่อย เมื่อย จนแทบขาดใจ คิดในใจว่าร่างกายเราถดถอยขนาดนี้เชียวหรือ
สูงสุดในแผ่นดินสุพรรณ ยอดเขาเทวดา อุทยานแห่งชาติพุเตย (เอ๊ะ จะพิมพ์ซ้ำกับในรูปทำไม)
ด้านล่างนั่นคือจุดที่เรากางเต้นท์กันครับ หน่วยพิทักษ์อุทยานที่ 3 ตะเพินคี่ และ หมู่บ้านกระเหรี่ยงตะเพินคี่
ฤดูหนาวนี่แดดไม่แรงครับ อุณหภูมิแม้จะร้อนแต่ก็ไม่ได้มากอะไร
ลืมบอกไปว่ายอดเขาเทวดากำลังมีการสร้างเจดีย์และพระพุทธรูป ณ ตอนนั้นนอกจากคณะเราแล้ว ยังมีคนงานก่อสร้างสองสามคนและหลวงพี่อีกองค์ กำลังช่วยกันทำงานอยู่ ที่เห็นอยู่นี่คือแผงโซล่าเซลล์ขนาดเล็ก สำหรับเป็นแหล่งแปลงพลังงานแสงให้เป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อที่จะนำมาชาร์จแบตเตอรี่อย่างพวกโทรศัพท์มือถือ
ภาพนี้เมื่อปีสองปีก่อนครับ ป่านนี้คงเสร็จสมบรูณ์แล้วแหละ
ซ้ายไปขวา ไก่ เปิ้ล และเน็ต สามทหารเสือแห่งชนเผ่า “เยียวเนียว”
ชมวิว เดินเล่น กินมาม่าแห้ง ดื่มกาแฟ(รบกวนน้ำร้อนจากพี่คนงานข้างบน)อยู่บนยอดเขาเทวดานานพอสมควร พวกเราก็ลงมาครับ ตอนลงมามีน้องหมาเจ้าถิ่นเดินมาส่งด้วย แน่นอน เราต้องไม่ลืมแวะรับสมาชิกอีกสองท่าน
การเดินลงก็ใช่ว่าง่ายนะครับ ต้องค่อย ๆ ลงอย่างระมัดระวัง
สังเกตเห็นกองอะไรบางอย่าง จะแวะเข้าไปดู
เป็นกองขนมกับน้ำนั่นเอง น่าจะมาจากวัดครับ ป้ายบอกว่า น้ำขนมทานได้เลย
มีของถังสังฆทานด้วย เหมือนกับว่าของพวกนี้พระท่านเอาขึ้นไปข้างบนไม่ไหวก็เลยวางกองไว่ก่อน คาดว่าจะค่อยทยอยๆ นำขึ้นไป
มียาสามัญประจำบ้านด้วยนะครับ สุดท้ายเราก็ได้น้ำดื่มมาขวดสองขวดไว้แก้กระหายระหว่างเดินทางกลับที่พัก
พอเดินกลับทีพักเราก็เหลือบไปเห็นป้ายนี้ อ่ะๆๆ ก่อนหน้านี้เรามองไม่เห็นมันเลย ดังนั้นสองคืนที่ผ่านมา พวกเราฝ่าฝืนตลอดเลยนิ
จบทริปครับ ขอบคุณมากสำหรับประสบการณ์ดีๆ ในการท่องเที่ยวที่นี่ “เขาเทวดา”
ภบทความโดย
Orange Smallfish
จบบริบูรณ์ ต้องหาที่ไปใหม่แล้วสิเรา