กว่าจะกลับจากหนองผักชีถึงที่พักที่ลำตะคองก็ปาเข้าไปทุ่มกว่า ระหว่างทางเดินกลับสองข้างทางมืดมากๆ ผิดจากขาไปคนละเรื่อง สักพักก็มีรถบริการส่องสัตว์ของอุทยานฯวิ่งตามหลังพวกเรามาเป็นขบวน
แม้ว่าผมจะเคยใช้บริการรถส่องสัตว์แต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเข้าใจว่าพวกเขาส่องกันทำไม ไม่ค่อยได้มีใครอธิบาย อย่างน้อยที่สุดเจ้าหน้าที่ก็น่าจะอธิบายถึงเหตุผลในแง่ของการศึกษามากกว่าเพื่อความบันเทิงที่ได้แอบดูสัตว์เหล่านั้นครับ
พอมาถึงที่พักพวกเราก็ต้องมาบริหารจัดการเต้นท์กันใหม่อีกรอบครับ และใช้เวลาอยู่นานพอควร ฝนก็ยังคงตกรินไม่หยุด เพราะช่วงกลางวันที่ลมพัดเต้นท์เราเคลื่อนจากนำแหน่งเดิมไปมาก
เหมือนพวกยิปซี(ยิว)ที่ต้องมีเรื่องราวจากการใช้ชีวิตในช่วงกลางวันมาเล่าสู่กันฟังในวงอาหารตอนกลางคืน วันนี้ทุกคนได้รับประสบการณ์อีกรูปแบบหนึ่งบันทึกเข้าไปในหน่วยความจำของชีวิต และก็น่าจะจดจำไปได้อีกนานแสนนานเลยล่ะครับ
ระหว่างที่นั่งคุยกันก็มีขนมของกินมาแจกจ่าย การสนทนาก็ออกรสขึ้นเรื่อยๆ กระนั้นฝนเจัาก็ยังคงตกต่อไป นัยว่าคืนนี้พวกท่านต้องหลับในเต้นท์ท่ามกลางสายฝนกันอีกแล้วล่ะพี่น้อง กว่าจะนอนกันได้ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน เหนื่อยจังหลับดีกว่า zzzzz
รุ่งเช้าเหมือนฟ้าเป็นใจ แสงแดดสาดส่องทั่วบริเวณที่กลางเต้นท์ โดยไม่รีรอสิ่งใด พวกเรารีบเอาเสื้อผ้า รองเท้า และเต้นท์ที่เปียกชุ่มมาผึ่งกลางแดดกันอย่างไว เพราะเกรงว่าแดดเจ้าจะจางหาย ขืนแบกผ้าเปียกๆกลับกรุงเทพฯ รับรองว่าหลังแอ่นแน่ แถมผ้าที่ถูกบ่มหมักสามวันยังส่งกลิ่นเหม็นกระน่ำซัมเมอร์เซลล์อีกด้วย
วันนี้เป็นวันที่ต้องเดินทางกลับกันแล้วล่ะ แดดงามๆอย่างนี้มีหรือจะพลาดถ่ายรูป เจ้าบิ่น เจ้าไมค์ กดชัตเตอร์ไม่ยั้ง ผมก็เช่นกัน สวยไม่สวยไม่สนของถ่ายรูปไว้ก่อน
สักพักลุงเจ้าหน้าที่ที่มาส่งเราเมื่อวันแรกก็กลับมารับเราอีกครั้ง แต่ครานี้ลุงเค้าจะไปส่งที่ทางออกของเขาใหญ่เพื่อเดินทางกลับบ้าน ระหว่างรถวิ่งกลับทุกคนก็ถ่ายรูปวิวข้างทางเอาไว้อีกรอบเป็นรอบสุดท้าย ไม่รู้ว่าอีกนานแค่กว่าเราไหนจะได้มาที่นี่อีก กดชัตเตอร์กันให้เต็มเหนี่ยวไปเลยน้อง และบ้าย บาย เขาใหญ่ โอกาสหน้าเจอกันไหม่
สวัสดีราตรีสวัสดิ์พ่อแม่พี่น้องชาวไทย Entryเขาใหญ่ได้จบลงแล้วครับ
คราวหน้าจะมาเขียนเล่าให้ฟังใหม่เรื่อยๆนะครับ
โดย
นายนกกระรางหัวหงอก