แม้เมื่อคืนฝนจะตกตลอด แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค์ต่อพวกเรามากนัก น้องๆและนายปุยเพื่อนของผมต่างสนทนาพูดคุยกันอย่างออกรส ทั้งที่ไม่เคยได้พบปะพูดคุยกันมาก่อน จะมีก็แต่เจ้าโลมาที่เคยพูดคุยกับปุยบ้างทางmsn และก็คุยกันนิดหน่อยในร้านอาหาร ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีของทั้งสองคนครับ เนื่องจากอาชีพและสายงานใกล้เคียงกัน
ใต้ผ้าใบที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝน ทุกคนต่างนำเสนอและแสดงความคิดเห็นในเรื่องราวต่างๆที่ตนเองเคยประสบ บ้างก็เป็นเรื่องเดียวกัน บ้างก็เป็นเรื่องใหม่ ผมว่ามันเป็นภาพที่ดูดีทีเดียว
ยกตัวอย่างเช่น นายบิ่นไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่านายไก่ลูกน้องในทีม จะเคยผ่านการเกณฑ์ทหารเหมือนกับตน แถมยังเป็นทหารเกณฑ์รุ่นพี่ซะด้วย(เพราะเกณฑ์ก่อน ฮาๆ)
กว่าจะเข้าเต้นท์นอนก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนแล้วล่ะครับ กระนั้น ฝนเจ้าก็ยังคงตกต่อจนถึงเช้า ZZZZZ
เช้านี้อากาศดี ฝนไม่ตก แต่พอดูท้องฟ้าและสถานการณ์เมฆลมแล้ว คาดว่าวันนี้ไม่น่ารอด ฝนต้องตกแน่นอน น้องไก่กับผมออกเดินสำรวจบริเวณรอบๆที่พัก พร้อมเก็บภาพไปเรื่อยๆ วันนี้ผมไม่ค่อยคาดหวังอะไรมาก เพราะแสงไม่ดีเอาเสียเลย แต่ก็เถอะนะ ไหนๆก็เอากล้องมาด้วยแล้ว จะไม่ถ่ายก็กระไรอยู่
ผมกับนายไก่เดินไปได้ไม่ไกลพวกเราก็พบนายแบบครับ แน่นอนครับจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ลิงเจ้าถิ่น พวกพี่เค้ามากันเป็นฝูง กำลังกินลูกไม้กันอย่างอร่อยเลยทีเดียว เห็นลิงกินแล้วคนอย่างเรายังรู้สึกหิวเลย(ยังไม่ได้กินข้าวเช้าซะด้วยสิเรา อ่อ ที่หิวน่ะข้าวเช้านะครับ ไม่ใช่จากินลิง)
หลังจากพวกเรารับประทานอาหารเช้ากันเสร็จ การท่องเทียวก็เริ่มต้น เนื่องจากทริปนี้พวกเราไม่มีรถดังนั้นจะไปไหนก็ต้องเดิน เดิน เดิน และก็เดินครับ ผมคาดคะเนไม่ถูกว่าจะต้องเดินกันซักกี่กิโล รู้แต่ว่าจะต้องไปที่นั่นที่โน่นให้ได้ตามแผน ซึ่งทุกคนในคณะทริปก็รับทราบกันดี และมีความพร้อมอยู่เต็มเปี่ยมครับ
เราต้องเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายแรกในวันนี้ก่อนคือ เส้นทางการเดินป่า มอสิงโต – ดงติ้ว ระหว่างเส้นทางจากที่พักถึงที่นั่นน่าจะราวๆ 2.5 กิโลเมตร ทางเป็นทางลาดยาง ซึ่งก็ดูไม่ไกลนัก สบายๆ ชิลๆ เหมือนที่วัยรุ่นเค้าพูดกัน
ระหว่างเส้นทางเราต้องผ่านจุดชมวิวสนามกอร์ฟเก่าก่อน และจุดนี้เป็นไฮไลท์แรกของเราครับภ สนามกอร์ฟเก่าแห่งนี้เคยเป็นของนายทุนที่บุกรุกแผนถางป่าจนราบคาบแล้วก็ปลูกหญ้าลงไปแทนที่ กระทั่งรัฐบาลในขณะนั้นได้สั่งการด่วนให้เลิกล้มโครงการ จึงได้แต่ทิ้งรอยแผลไว้ให้กับเขาใหญ่จนถึงปัจจุบันครับ
ทุ่งหญ้าที่เกิดจากการสร้างสนามกอร์ฟยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันครับ ก็เพราะทุ่งหญ้าแห่งนี้เจ้าหน้าที่เห็นว่าน่าจะใช้เป็นที่สร้างแหล่งอาหารสำหรับเก้งกวางได้ดีนั่นเองครับ
ไม่นานพวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำมอสิงโต(เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น อ่างเก็บน้ำสายศร) ที่่ๆเป็นทางเข้าสู่เส้นทางการเดินป่า มอสิงโต – ดงติ้ว และการผจญภัยของพวกเราเริ่มต้นที่นี่ครับ
โดย
นายนกกระรางหัวหงอก