เสาร์ อาทิตย์ทั้งที อยู่บ้านว่างๆ ทำอะไรดีหว่า… คิดไม่ออกเอางี้ดีกว่า ฆ่าเวลาด้วยการเล่น hi5 และกัน
หลังจากเปิดอ่าน commentภ โอ้วววว ฟ้าประทาน
”ดีค่ะน้องแทนสบายดีไห๊มเอ่ยคิดถึงๆๆ
พี่มีทริปอาสามาเสนอล่ะน่าสนใจๆๆ ส่งเมล์ไปให้แล้วลองดูน๊ะ…”
หลังจากอ่าน สรุปใจความได้ว่า เป็นทริปอาสาภ ปลูกกล้วย ปลูกหญ้า ให้ช้างกิน
แทนคุงรีบตอบกลับทันที ทันใด “สนใจคร้าบบบ จองให้ด้วย”
และแล้ว วันที่ที่เดินทางก็มาถึง นัดเจอกันที่ คิงพาว์เว่อร์ซอยรางน้ำ ตอน 6.00 โมง
มาด้วยอาการเมาขี้ตาสุดๆ ในการมาครั้งนี้ คิดไว้ในใจว่า จะไปถ่ายรูปเด็ดๆมาให้ได้ 555
(มีใจอยากทำงานหน่อยนึง แอบเลว) ถึงที่นู่น ก็ประมาณ 11.00 กว่าๆ มั้งไม่แน่ใจ เพราะก็ยังเมาขี้ตาอยู่ดีนั่นแล่ะ
พอนั่งพักกันหายเหนื่อย เหล่าอาสาทุกท่าน ต่างไฟแรง พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ป่ะ เริ่มปลูกกันเลยมะ”
ทุกคนคนก็เคลื่อนย้าย กันไปหยิบอุปกรณ์ในการทำงานกัน ช่วยกันขนกล้วยขึ้นรถ
กล้วยที่พวกเราปลูกกันคับ
พอเริ่มทำงานไปได้ 15 นาที โอ๊ยยย ร้อนมากกกกกก ระลึกสำนักบุณคุณชาวบ้าน ชาวไร่ในบัดดลว่า ขอโทษคร้าบที่กินข้าวไม่หมด
พวกเราทำไปได้ซัก 2 ชั่วโมงกว่า งานปลูกกล้วยของเราก็สำเร็จลง และพร้อมใจกันบอกว่า พอแค่นี้ก่อน เพราะร้อนมาก หมดแรง
เอาไว้ทำใหม่พรุ่งนี้เช้า ก่อนที่แดดจะร้อนภ เข้าทางเลยพี่น้อง “เล่นน้ำ อาบน้ำให้ช้างกะที่กว่า แล้วจะได้มาทำกิจกรรมรอบกองไฟกัน”
อ่อ ลืมบอกไป ช้างที่ศูนย์ที่เราไป มีทั้งหมด 6 เชือกครับ ขี้เล่นทั้งนั้น สามารถเล่นกับเค้าได้
ที่นี่บรรยากาศดีแค่ไหน ไม่ต้องบรรยาย ดูจากภาพเอาครับ
หลังจากรอบกองไฟ แล้ว แทนคุงได้มีโอกาสคุยกับพี่ฝน และพี่หมอสามารถ ที่ดูแลศูนย์อยู่ จากสิ่งต่างๆที่ได้ฟังน่าตกใจครับ
เมื่อ 10 ปีก่อน เรามีช้าง 2 หมื่นตัว แต่มาปีนี้เหลือแค่ 5000 ตัว ลดลงเร็วมากครับ เนื่องจากทุกวันนี้ ช้างตัวผู้ที่แข็งแรง คนส่วนใหญ่ก็จะนำไปลากซุง ใช้งานหนักๆ ในป่า
ตัวเมียดุน้อยกว่าตัวผู้ ก็นำมาใช้ในธุรกิจท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวขี่ จึงทำให้ ช้างตัวผู้กับตัวเมีย เจอกันน้อย ไม่มีการผสมพันธุ์ และคนอย่างเราๆ ก็ล่าช้างเผื่อนำมาใช้ในธุรกิจ
นำมาเดินในเมืองอย่างที่เราเห็นๆกันน่ะครับ พี่ฝนบอกว่า การที่เค้ามาเดินบนถนน ถนนมันร้อน ช้างมันตัวถึงกับ เล็บพัง พื้นเท้าหลุดออกมาทั้งแผ่นภ โดนรถชนบ้าง
เรื่องน้ำ และอาหารที่เค้าต้องกินก็ไม่พอกับที่เค้าต้องการ เวลาที่ช้างต้องนอนคือช่วง ตี1-4 ประมาณนี้ แต่กลับไม่ได้นอน ต้องมาเดินตามสถานบันเทิง
และมีปัญหาอีกมากมาย เหล่าอสาหลายๆท่านมีคำถามกับพี่หมอว่า กล้วยที่เราปลูกไปวันนี้ ลงแรงกัน 40 กว่าชีวิต เค้ากินได้นานเท่าไหร่เมื่อมันออกผลมา 1 ครั้ง
คำตอบคือ 1-2 วัน (สลบดีกว่า กินเยอะจัง)ภ แทนคุงถามพี่หมอต่อว่า
แทนคุง : ค่าใช้จ่ายที่นี่ ต่อเดือนเท่าไหร่
พี่หมอ : “5 หมื่นบาทคับ”
แทนคุง : แล้วเงินนี้มาจากไหนครับ
พี่หมอ : “ส่วนตัวครับ เงินบริจาคนิดหน่อย”
แทนคุง : แล้วอัตราการเพิ่มขึ้นของช้างที่มาที่นี่เร็วแค่ไหนครับ
พี่หมอ : “จากที่ผ่านมา 3-4 เดือนก็เพิ่มประมาณ 3 ตัว”
แทนคุง : แล้วช้างมาจากที่ไหน มาที่นี่ได้ยังไง
พี่หมอ : “ก็มีฝรั่งซื้อต่อจากควาญช้างที่เค้าพามาเดินในเมือง เนื่องจากสงสารแล้วนำมาให้ที่นี่บ้าง
บางตัว ที่ กทม. ก็จับแล้วส่งมา”
แทนคุง : แล้วที่นี่ยังต้องการความช่วยเหลือในส่วนไหนบ้างคับ
พี่หมอ : “ก็ เงินทุน แรงงานของชาวอาสา เมล็ดพันธุ์พืชครับ”
คุยกันไปซักพัก ก็เริ่มง่วง ใช้แรงมาทั้งวัน พรุ่งนี้ยังต้องลุยปลูกหญ้าต่อ ก็เลยแยกย้ายกันไปพักผ่อนครับ
พี่หมอทิ้งคำถามไว้เล่นๆว่า ทุกวันนี้ กระแสแพนด้า แรงมาก
ถ้าให้คุณเลือก คุณเลือกอะไร แพนด้า หรือ ช้าง
เราทุกคนเชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่ก็ต้องตอบว่า เลือกช้างสิ ช้างเป็นสัตว์คู่บ้าน คู่เมืองนะ
งั้นเมื่อมีคำตอบนี้อยู่แล้ว เราจะเริ่มได้หรือยังครับ หันมาดูแลสัตว์คู้บ้าน คู่เมืองของเราจริงๆจังซักที
ก่อนที่มันจะเป็นสัตว์หายาก
สุดท้ายขอขอบคุณพี่หมอสามารถ พี่ฝน คู่สามีภรรยา ที่ทำเพื่อช้าง เพื่อคนไทย
ขอบคุณ พี่หญิง ป้าปุ๊ก พี่อ้อ พี่ทู พี่โอ ที่ดูแลกันตลอดทริปอาสา
ขอบคุณอาสาสมัครทุกท่าน ที่เหนื่อยไปพร้อมกัน และรอยยิ้มแห่งมิตรภาพครับ
ประสบการณ์ที่ได้มา และการบอกเล่าครั้งนี้
หวังว่าจะทำให้คนไทย หันมาช่วยเหลือช้างของเรากันมากขึ้นนะครับ
ช่วยกันคนละนิดคนละหน่อย ช้างเค้าจะได้อยู่กับเราไปอีกนาน ให้ลูกหลานเราได้เห็นตัวเป็นๆกันครับ ไม่ใช่เพียงแค่รูปถ่าย
โฉมหน้า พี่ทู พี่หญิง ป้าปุ๊ก พี่อ้อ พี่โอ
ครอบครัวนี้หน้ารักมากครับ พ่อ แม่ ลูก
ร่วมแรงร่วมใจ
โดย
แทนคุง
อ่านบทความนี้แล้วชื่นใจ คนละไม้คนละมือ