“หนุ่ม” เพื่อนคนหนึ่งของผมเป็นผู้ที่ชอบทำบุณทำทานอยู่เป็นนิจ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญๆของไทยพี่คนนี้เค้าไม่เคยพลาดครับ ต้องขออภัยที่ไม่สามารถเปิดเผยรูปภาพของเค้าได้ เนื่องจากเกรงว่าจะผิดจรรยาบรรณทางการแพทย์ภ ฮ่ะๆๆ ที่จริงแล้วเค้าไม่ชอบถ่ายรูปและก็ไม่ชอบให้ใครเอารูปไปโพสต์บนเว็บต่ะหาก ขนาดขอถ่ายรูปดีๆอย่างละมุนละม่อมยังไม่ค่อยจะยอมเลย รูปที่มีอยู่ของหมอนี่สวนใหญ่ก็ได้มาจากการแอบถ่ายแทบทั้งสิ้นครับ ฮะๆๆแปลกคน
ทริปนี้นายหนุ่มเค้าชวนผมไปทำบุญที่อยุธยาภ และจะตระเวณต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่จังหวัดสุพรรณบุรีภ ซึ่งที่นั่นจะมี “นายเปิ้ล ศาสตร์” รุ่นน้องที่เป็นคนในพื้นที่รอต้องรับเราอยู่ ทริปนี้ 2 วัน 1 คืนครับ ขับรถออกจากบ้านประมาณ 9 โมงเช้าวิ่งบนถนนสายเอเชียมุ่งสู่อยุธยา ระหว่างทางก็เห็นประชาชนชาวไทยเล่นสงกรานต์กันไม่ขาดสาย กว่าจะถึงเป้าหมายก็ปาไปเกือบเพล
เนื่องจากเป็นเทศกาลสงกรานต์ จะเดินไปทางไหนก็ต้องทำใจครับ ยิ่งในอยุธยาแล้วล่ะก็ ที่นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องการเล่นน้ำสงกรานต์สุดๆไม่แพ้ที่เที่ยวสงกรานต์ดังๆอย่างถนนข้าวสาร คูเมืองเชียงใหม่และหาดพัทยา แต่ที่สุดแล้วผมกับนายหนุ่มก็ไม่โดนสาดน้ำครับ คงเป็นเพราะมีหน้าตาโหดๆเป็นอาวุธกระมัง
มองเห็นกรุงเก่าแล้วก็สุดจะเศร้าใจ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทำไมพม่าต้องมารุกรานเราครั้งแล้วครั้งเล่า เราไปทำอะไรให้เค้าแค้นเคืองใจได้ถึงเพียงนั้น เพราะการจะยกทัพใหญ่ขนาดเป็นแสนเป็นล้านคนจากหงสามาอยุธยาไม่ใช่เรื่องง่าย นี่ถ้าที่นี่ไม่ถูกเผาผมก็มั่นใจว่าจะเป็นเมืองหลวงที่สวยงามในระดับต้นๆของโลกเลยทีเดียวครับ
ลองนึกภาพเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้น บ้านเมืองถูกเผา คนอยุธยาโดนฆ่า โดนต้อนไปเป็นทาส ทรัพย์สินโดนปล้น ลูกเด็กเล็กแดงร้องไห้กันจ้าละหวั่น กลิ่นควันกลิ่นเลือดและเสียงโหยหวน และก็จบลงด้วยการจารึกลงในประวัติศาสตร์ชาติไทยว่าด้วยเรื่องของการ เสียกรุงครั้งที่สอง
ผมกับนายหนุ่มโทรแจ้งสถานะการเดินทางให้กับเปิ้ลศาตร์อยู่ตลอดของการเดินทางครับไปยังจุดหมายสุพรรณบุรี ขับรถผ่านทุ่งนาข้าวหลายที่ และแม้จะเป็นช่วงฤดูแล้งแต่พื้นที่แถบนี้ก็ยังสามารถปลูกข้าวได้สบายๆ ดีใจแทนคนแถบนั้นจริงๆ
มาถึงสุพรรณฯบ่ายๆเย็นๆ นายเปิ้ลศาสตร์ก็พาเที่ยวหอคอยน้าบรรหารก่อนเลย ค่าขึ้นไปบนหอคอยน่าจะสักคนยี่สิบบาทได้(จำไม่ได้ล๊ะ) วิวรอบๆเมืองสุพรรณฯก็สวยใช่เล่นนะครับ ยิ่งช่วงเย็นๆดวงอาทิตย์ตกดินยิ่งน่าดู อ่ะๆ
ลืมบอกท่านผู้อ่านว่าตอนนั้นผมยังไม่มีกล้องส่วนตัวก็เลยใช้กล้องโทรศัพท์มือถือแทน คุณภาพของรูปก็เลยออกมาอย่างที่เห็นน่ะแหละ
ค่ำคืนของเมืองสุพรรณฯก็น่าเที่ยวดีเหมือนกัน โดยเฉพาะแถวตลาดอาหารการกินเยอะดีครับ ทานเสร็จนายเปิ้ลศาสตร์ก็พาไปดูบอลต่อ วันนั้นหงส์แดงและผีแดงลงสนามทั้งคู่ เลยต้องดูสองคู่ควบ กว่าจะได้กลับไปนอนก็เกือบๆ เที่ยงคืน
รุ่งขึ้นนายเปิ้ลศาสตร์ก็รับอาสาตระเวณไว้พระทำบุณครับ และไม่ว่าจะไปที่ไหนคนก็เต็มไปหมด ยิ่งวันนั้นเป็นวันที่ 15 เมษาซะด้วย แวะเข้าไปไหว้แป๊บๆ ก็ต้องรีบออกมากัน
ผมและนายหนุ่มตั้งใจจะมาไหว้หลวงพ่อโตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าคนจะเยอะสักเพียงไรก็ไม่ยั่นอยู่แล้วครับ
และที่อีกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งก็คือวัดจีนครับ
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตึกมังกรกำลังก่อสร้างพอดี ถึงตอนนี้ผมว่าน่าจะสวยมากๆ ไว้วันหน้าจะไปเยือนอีกครั้ง
และที่พลาดไม่ได้ก็คือเจดีย์ยุทธหัตถีครับ ที่นี่มีหลักฐานว่าพบเจดีย์เดิมที่สมเด็จพระนเรศวรสร้างเอาไว้ด้วย
แบบจำลองการสู้รบระหว่างอยุธยากับหงสาเมื่อครั้งกอบกู้เอกราช
สถานที่สุดท้ายตาเปิ้ลศาสตร์ก็พาไปไหว้พระพุทธบาทที่อ่างทอง เออ ก็เพิ่งทราบเหมือนกันนะครับว่าที่นี่มีพระพุทธบาทด้วย
วิวบนวัดแห่งนี้อยู่บนเขา วิวค่อนข้าสวยงามใช้ได้เลยทีเดียวครับ
ทุกครั้งที่นั่งรถเจ้าหนุ่ม ก็มักจะมีเรื่องให้ตื่นเต้นโดยตลอด ครั้งนี้น้ำมันหมด ต้องเดินไปซื้อน้ำมันไกลกว่าสองกิโลภ เห้อ..
จบทริปนี้ครับ ^ ^
บทความโดย
Orange Smallfish